พรรคคอมมิวนิสต์จีนรับรองมติครั้งประวัติศาสตร์ปูทางให้ ‘สี จิ้นผิง’ ครองอำนาจสูงสุดของพรรคต่อไปได้อีกหลายปี ยกสถานะเทียบเท่าเหมา เจ๋อตง และ เติ้ง เสี่ยวผิง
การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 6 พรรคคอมมิวนิสต์จีน ในรายงานประวัติศาสตร์ 100 ปีของพรรค มีการบอกเล่าความสำเร็จที่สำคัญ ทิศทางของพรรคในอนาคต รวมถึงการอนุมัติ ‘มติครั้งประวัติศาสตร์’
ผู้เชี่ยวชาญต่างมองว่า ปธน.สี จิ้นผิง ต้องการลบล้างความคิดริเริ่มของเติ้ง เสี่ยวผิง ที่พยายามกระจายอำนาจของเหล่าผู้นำจีน นี่เป็นสัญญาณว่าประเทศจีนกำลังกลับเข้าสู่ลัทธิบูชาบุคคล
มติดังกล่าวถือเป็นการล้มธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคในรอบ 20 ปี ที่กำหนดให้ ปธน.จีน สามารถดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 สมัย รวมระยะเวลา 10 ปี โดยก่อนหน้านี้ในปี 2018 สภาประชาชนแห่งชาติจีนเห็นชอบแก้ไขกฎของพรรคคอมมิวนิสต์ยกเลิกการจำกัดวาระตำแหน่งผู้นำ ซึ่งเปิดทางให้ปธน.สี จิ้นผิง เป็นผู้นำชาติจีนตลอดชีวิต
Adam Ni บรรณาธิการของ China Neican กล่าวว่า สี จิ้นผิง พยายามแสดงตัวเป็นวีรบุรุษในเส้นทางของประเทศจีน โดยการผลักดันมติครั้งประวัติศาสตร์ดังกล่าวคือ การแสดงอำนาจของสี จิ้นผิง และเป็นเครื่องมือที่จะช่วยกุมอำนาจต่อไป
Chong Ja Ian จากมหาวิทยาลัยเเห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าสี จิ้นผิง ต่างจากอดีตผู้นำจีนคนอื่นๆ เพราะอดีตปธน.หู จิ่นเทา และเจียง เจ๋อหมิน ไม่เคยรวบอำนาจได้แข็งแกร่งเท่าสี จิ้นผิง แต่ไม่แน่ชัดว่าทั้งสองมีแนวโน้มที่จะทำเช่นนี้หรือไม่ หากมีโอกาสแบบเดียวกัน
ก่อนหน้านี้มีการอนุมัติมติครั้งประวัติศาสตร์เพียง 2 ครั้ง คือยุคของผู้ก่อตั้งพรรค ‘เหมา เจ๋อตุง’ ในปี 1945 และยุคของผู้ออกแบบประเทศจีนสมัยใหม่ ‘เติ้ง เสี่ยวผิง’ ในปี 1981 ซึ่งการอนุมัติครั้งนี้ถือเป็นการยกสถานะของปธน.สี จิ้นผิง ให้เทียบเท่ากับบุคคลสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์จีนอย่าง เหมา เจ๋อตง และเติ้ง เสี่ยวผิง
มติครั้งแรกในปี 1945 ช่วยให้เหมา เจ๋อตง รวมอำนาจเข้าไว้กับตัวเองและมีอำนาจเต็มเพื่อประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 ขณะที่มติครั้งที่ 2 ในปี 1981 เติ้ง เสี่ยวผิง วิจารณ์ความผิดพลาดของเหมา เจ๋อตง และวางรากฐานการปฏิรูปเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่
จะเห็นได้ว่าทั้งเหมา เจ๋อตง และเติ้ง เสี่ยวผิง ใช้มติครั้งประวัติศาตร์เพื่อตัดขาดจากอดีต ขณะที่สี จิ้นผิง พยายามเน้นย้ำเรื่องความต่อเนื่องของประวัติศาสตร์จีน ซึ่งแตกต่างไปจากมติ 2 ครั้งในอดีต
Chong Ja Ian กล่าวว่า ประเทศจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร รวมถึงได้รับการยกย่องในฐานะมหาอำนาจของโลก ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนอยู่ในอำนาจโดยที่ไม่มีฝ่ายค้านในประเทศ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของสี จิ้นผิง ก้าวมาสู่จุดสูงสุด
อย่างไรก็ตาม การเมืองอาจพลิกผันได้ นักวิเคราะห์หลายคนออกเตือนว่า การครองอำนาจเพียงผู้เดียวเป็นระยะเวลานานอาจนำไปสู่หายนะทั้งทางการเมือง การบริหารประเทศ และเศรษฐกิจ อย่างที่มีให้เห็นในหลายประเทศของภูมิภาคเอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกา โดย Adam Ni กล่าวว่า การเมืองในระดับชนชั้นนำของจีนเต็มไปด้วยความลับ และมีเรื่องราวอีกมากที่คนทั่วไปยังไม่รู้
อ้างอิง: https://www.bbc.com/thai/international-59254098
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel