ยอดขายปลีกรถยนต์ไฟฟ้าจีนเดือน ต.ค. พุ่ง 75% จากปีที่แล้ว นำโดยยี่ห้อยอดฮิตอย่าง BYD แม้เผชิญกับการล็อกดาวน์ในเมืองต่างๆ ที่ทำให้ยอดขายลดลง 9% จากเดือนที่แล้วก็ตาม
ข้อมูลจากสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน (PCA) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) ว่า ยอดขายปลีกรถยนต์พลังงานใหม่ ซึ่งรวมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% และแบบปลั๊กอินไฮบริด รวมแล้วอยู่ที่ 556,000 คัน
นำโดย BYD ที่ส่งมอบรถยนต์ไปทั้งหมด 217,518 คัน ขณะที่ Tesla ส่งไปทั้งหมด 71,704 คัน โดย 54,504 คัน เป็นการส่งออก ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าตลอด 10 เดือนของปีนี้ อยู่ที่ 4.43 ล้านคัน
ขณะที่ยอดขายส่งของรถยนต์ไฟฟ้าที่บริษัทขายให้ดีลเลอร์ในเดือน ต.ค. อยู่ที่ 676,000 คัน โดย PCA คาดการณ์ว่า ยอดขายจะทะลุ 700,000 คัน ในเดือน พ.ย. และ ต.ค. ส่งผลให้ยอดขายตลอดทั้งปีอยู่ที่ 6.5 ล้านคัน
อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ทุกประเภทในจีนลดลง 4.4% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 1.86 ล้านคัน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลจีนสั่งล็อกดาวน์จนส่งผลให้ซัพพลายเชนและการผลิตหยุดชะงัก
Cui Dongshu เลขาธิการของ PCA กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องปกติที่ยอดขายเดือน ต.ค. ต่ำกว่าเดือน ก.ย. ซึ่งทางสมาคมคาดหวังว่า มันจะเป็นลดลงชั่วคราวภายใต้นโยบายควบคุมโควิด ซึ่งนำไปสู่การปิดตัวแทนจำหน่ายและการยกเลิกงานอีเวนต์
ตอนนี้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ทวีความรุนแรงขึ้น โดยผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ 3 ราย ได้แก่ Nio, Li Auto และ Xpeng นอกจากจะถูกแซงหน้าโดย BYD และ Tesla แล้ว ยังถูกแซงหน้าโดยรถยนต์ที่เน้นตลาดแมสอย่าง Aion ของ Guangzhou Automobile และ Hozon New Energy Automobile รวมถึงรุ่นพรีเมี่ยมอย่าง Zeekr ของ Geely Automobile
เมื่อเดือนที่แล้ว Tesla ได้ปรับลดราคารถยนต์ที่ขายในจีน หลังจากที่เพิ่งเพิ่มราคาหลายรุ่นไปเมื่อตอนต้นปี เนื่องจาก Elon Musk ต้องการเพิ่มยอดขายหลังโรงงานในเซี่ยงไฮ้เพิ่มกำลังการผลิตปีละ 2 เท่าเป็นประมาณ 1 ล้านคัน
——————-
👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel