News Update: เงินเฟ้อสหรัฐฯ ก.พ. พุ่ง 7.9% สูงสุดรอบ 40 ปี กดดัน Fed เร่งขึ้นดอกเบี้ย คาด มี.ค. พุ่งขึ้นอีก จากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ​ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI มาตรวัดเงินเฟ้อผ่านการใช้จ่าย เพิ่มขึ้น 0.8% (MoM) และ 7.9% (YoY) ในเดือน ก.พ. สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ม.ค. 1982 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สหรัฐฯ ​เผชิญกับเศรษฐกิจถดถอยพร้อมกับเงินเฟ้อในระดับสูง (Stagflation)

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ก.พ. หรือ Core CPI เพิ่มขึ้น 0.5% (MoM) และ 6.4% (YoY) สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ส.ค. 1982

โดยเงินเฟ้อในหมวดต่างๆ ปรับตัว (MoM) ดังนี้
➢ ราคาอาหาร +1%
➢ ราคาอาหารในบ้าน +1.4%
➢ ราคาพลังงาน +3.5%
➢ ค่าที่พักอาศัย +0.5%
➢ ราคารถยนต์มือสอง -0.2% (แต่ยังเพิ่มขึ้น 41.2% จากปีที่แล้ว)
➢ ราคารถยนต์ใหม่ +0.3% และ +12.4% จากปีที่แล้ว

ตัวเลขเงินเฟ้อที่ประกาศออกมายังไม่รวมผลกระทบจากการบุกยูเครนของรัสเซียที่ทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น จนแตะ $139 ต่อบาร์เรล จนทุบสถิติสูงสุดรอบ 14 ปี ก่อนปรับตัวลงมาหลัง UAE สนับสนุนการเพิ่มกำลังผลิตของกลุ่ม OPEC

ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า เดือน ก.พ. จะเป็นจุดพีคของเงินเฟ้อ แต่สงครามยูเครน และการแบนน้ำมันรัสเซียของสหรัฐฯ ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป โดยนักเศรษฐศาสตร์ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อเป็นสูงถึง 8% ในเดือน มี.ค.

เงินเฟ้อสหรัฐฯ​ มีแนวโน้มพุ่งต่อเนื่องและขยายตัวมากขึ้น ตลาดคาดว่าจะได้เห็น Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากที่ระดับใกล้ 0 เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ในการประชุมสัปดาห์หน้า

สถานการณ์ตอนนี้อาจทำให้คะแนนความนิยมของปธน.โจ ไบเดน ลดลงในการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย. และอาจทำให้พรรคเดโมแครตเสียเสียงข้างมากในรัฐสภา จากปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มแซงหน้าค่าแรง

อ้างอิง:

——————-

👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
TSF2024