สาเหตุการร่วงแรงของหุ้น Tesla มาจากการที่ Elon Musk สร้างโพลบนทวิตเตอร์ขอความเห็นว่า เขาควรขายหุ้น 10% เพื่อเอามาจ่ายภาษีหรือไม่ รวมถึงมีรายงานว่า ก่อนหน้านั้น (5 พ.ย.) Kimbal Musk น้องชายของเขาได้เทขายหุ้น Tesla จำนวน 88,500 หุ้น คิดเป็นมูลค่าเกือบ 109 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ Michael Burry นักลงทุนขาชอร์ตชื่อดังทวีตโจมตีว่า Elon Musk อาจแค่ต้องการขายหุ้นเพื่อนำไปชำระหนี้ส่วนตัวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม Michael Burry ไม่ได้ให้ความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวผ่านสื่อ และข้อความดังกล่าวไม่ปรากฏในทวิตเตอร์ของเขาแล้ว
สอดคล้องกับรายงานของ CNBC ก่อนหน้านี้ว่า Elon Musk ได้ทำสัญญากับผู้ให้กู้ยืมเพื่อขอสินเชื่อเงินสดด้วยหุ้น Tesla จำนวนไม่น้อยกว่า 92 ล้านหุ้น ทำให้เขาอาจต้องขายหุ้นบางส่วนเพื่อชำระหนี้ รวมถึงจ่ายภาษีจำนวนมากจากการซื้อขายหุ้น
Matt Portillo นักวิเคราะห์จาก Tudor Pickering กล่าวว่า จากมุมมองระยะยาวแล้ว หุ้น Tesla มีมูลค่าเกินจริงอย่างมาก และเหล่านักลงทุนกำลังดิ้นรนกับการประเมินมูลค่านั้น ซึ่งโพลของ Elon Musk เป็นเพียงข้ออ้างในการดึงราคากลับลงมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น Tesla สามารถปรับตัวขึ้นได้ถึง 45% ตั้งแต่ต้นปี และมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นผลมาจากผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเกินความคาดหมายของตลาด รวมถึงคำสั่งซื้อล็อตใหญ่จาก Hertz บริษัทให้เช่ารถยนต์
โดยทั้งผู้บริหารปัจจุบันและอดีตผู้บริหารของ Tesla ได้แก่ Robyn Denholm, Ira Ehrenpreis, Antonio Gracias รวมถึง Kimbal Musk ได้เทขายหุ้น Tesla ออกไปหลายร้อยล้านดอลลลาร์ หลังมูลค่าตลาดของ Tesla ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์
Matthew Maley หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดจาก Miller Tabak + กล่าวว่า แรงเทขายในหุ้น Tesla เป็นการปรับตัวลงปกติและไม่ได้ทำให้หุ้นเสียทรงแต่อย่างใด โดยเรียกสิ่งนี้ว่า การตอบสนองต่อภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought)
แม้ Tesla จะเผชิญแรงเทขายล่าสุด แต่ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 พ.ย.) Jefferies Group ได้ปรับราคาเป้าหมายสำหรับหุ้น Tesla จาก $950 เป็น $1,400 โดย Philippe Houchois นักวิเคราะห์ของบริษัทกล่าวว่า Tesla กำลังเข้าสู่สมดุลระหว่างความคุ้มค่า ความเร็ว และเป้าหมาย ซึ่งมีความสำคัญพอๆ กับความสามารถในการทำกำไรในวิสัยทัศน์ของ Elon Musk
อย่างไรก็ตาม Tesla กำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านการแข่งขันจากทั้งผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดัง และบริษัทสตาร์ทอัพหน้าใหม่ เช่น การเตรียม IPO ของ Rivian ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจาก Amazon, Ford และ Cox Automotive หรือ Geely ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจัน ที่เพิ่งเปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่สำหรับงานหนักเพื่อแข่งขันกับ Semi ของ Tesla
นอกจากนี้ เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicle: AV) ล่าสุดของ Nvidia ผู้ผลิตชิป อาจเพิ่มแรงกดดันให้ Tesla มากขึ้น เนื่องจาก Tesla มักอ้างว่าเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของบริษัทคือเบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้ Tesla ได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
Seth Goldstein นักวิเคราะห์จาก Morningstar กล่าวว่า การประกาศเทคโนโลยี AV ของ Nvidia เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงเทขายในหุ้น Tesla โดยแม้ว่าปัจจุบัน Tesla จะเป็นผู้นำในด้าน AV แต่หากเทคโนโลยีของ Nvidia สามารถทำงานได้ดี เราอาจได้เห็นมันปรากฏในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นในช่วงปี 2024 ซึ่งจะทำให้ Tesla เผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
https://www.cnbc.com/2021/11/09/tesla-shares-drop-as-sell-off-accelerates.html
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel