ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0% ตามที่ตลาดการเงินคาด ในการประชุมเมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) พร้อมประกาศชะลอมาตรการซื้อพันธบัตรในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2021

อย่างไรก็ตาม Christine Lagarde ประธาน ECB ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การ Tapering เพราะการฟื้นตัวในภูมิภาคยุโรปยังคงอ่อนแอ

Reuters อ้างแหล่งข่าวว่า ธนาคารกลางยุโรปจะชะลอการซื้อพันธบัตรรายเดือนจาก 80,000 ล้านยูโร ในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา เหลือประมาณ 60,000-70,000 ล้านยูโร โดยความยืดหยุ่นในการซื้อขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดเงิน

Christine Lagarde ให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจในยูโรโซนสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง จนสามารลดความช่วยเหลือทางการเงินลงได้ แต่การแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าทั่วโลก อาจทำให้การเปิดเศรษฐกิจของหลายประเทศล่าช้าลง และส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ดำเนินการหารือเพื่อยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้

ECB คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังคงต่ำกว่าเป้าหมาย โดยคาดการณ์ที่ระดับ 1.5% ในปี 2023 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% และยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.85 ล้านล้านยูโร ไปจนถึง มี.ค. 2022 หรือหลังจากนั้นหากจำเป็น

การเคลื่อนไหวของ ECB ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกับธนาคารกลางประเทศอื่นๆ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ และ ธนาคารอังกฤษ ที่เริ่มส่งสัญญาณการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น

กำหนดการชะลอซื้อพันธบัตรในอีก 3 เดือนข้างหน้า ทำให้การประชุม ECB วันที่ 16 ธ.ค. สำคัญสำหรับการกำหนดนโยบายในอนาคต ในขณะที่ Christine Lagarde มองว่า การตัดสินใจที่เป็นเอกฉัทน์เป็นความท้าทายของเหล่าผู้กำหนดนโยบายที่มีมุมมองต่อเงินเฟ้อต่างกัน

หลังการประกาศดังกล่าว ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ประมาณ 1.1825 ดอลลาร์ ต่อยูโร

David Powell และ Maeva Cousin นักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg กล่าวว่า นี่เป็นการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดกว่าที่คาด และอาจเกิดคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของ ECB ในการทบทวนกลยุทธ์เพื่อดำเนินมาตรการที่เข้มงวดขึ้น

Elga Bartsch หัวหน้าฝ่ายวิจัยมหภาคจาก BlackRock Investment Institute กล่าวว่า Christine Lagarde เน้นย้ำว่านี่ไม่ใช่ Tapering และ ECB ชะลอซื้อสินทรัพย์เพื่อปูทางสำหรับการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะยาว

Mark Dowding จาก Asset Management LLP ไม่ค่อยมั่นใจกับคำพูดของ Christine Lagarde และมองว่านี่เป็นแค่การเลือกใช้คำ การกระทำของ ECB ส่อแวว Tapering ดังนั้นตลาดจะมองว่านี่คือจุดเริ่มต้นในการทำ Taper

การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้เกิดแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและระดับราคาในระยะกลาง เจ้าหน้าที่ ECB ยืนยันว่าเศรษฐกิจในยูโรโซนอยู่ในสถานะที่ต่างจากสหรัฐฯ และยังจำเป็นต้องพึ่งพาการกระตุ้นทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บางคนเตือนว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นระยะเวลานานก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน Robert Holzmann จากออสเตรีย และ Klaas Knot จากเนเธอร์แลนด์ มีความเห็นตรงกันว่า ECB ควรสิ้นสุดมาตรการซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉินภายในเดือน มี.ค.

อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-09-09/ecb-slows-pandemic-bond-buying-amid-firming-european-recovery?sref=e4t2werz

——————-