CDC ได้ยกระดับประเทศไทยจากความเสี่ยงระดับ 3 มาอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงสุดขั้นที่ 4 คือ ‘COVID-19 Very High’ หรือมีการติดเชื้อโควิดสูงมาก ซึ่งมีอีกกว่า 70 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มนี้ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย มาเลเซีย บราซิล และสเปน เป็นต้น
ด้าน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ปรับคำเตือนให้สอดคล้องกับแนวทางของ CDC สำหรับการเดินทางมาไทยเป็น ‘Do Not Travel’ หรือ งดเดินทาง ด้วยเหตุผลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ CDC ยังได้ยกระดับหลายประเทศมาอยู่ในความเสี่ยงระดับที่ 3 เช่น ออสเตรีย โครเอเชีย เอลซัลวาดอร์ เคนยา และจาไมกา เป็นต้น โดยแนะว่าหากยังไม่ได้ฉีดวัคซีนควรหลีกเลี่ยงไปยังประเทศเหล่านี้
สถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยล่าสุด (10 ส.ค.) มีผู้ติดเชื้อใหม่อยู่ที่ 19,843 ราย รวมผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 เมษายนอยู่ที่ 767,088 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 235 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงที่สุดตั้งแต่มีการรายงาน
ข้อมูลจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แสดงสถิติการฉีดวัคซีนในไทย (8 ส.ค.) โดยประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนไปมากกว่า 20 ล้านโดส โดย 10 ล้านโดสแรกใช้เวลา 124 วัน และ 10 ล้านโดสหลังใช้เวลาเพียง 36 วัน (เร็วขึ้นกว่าเดิม 3.4 เท่า)
โดยมีประชากร 23.9% ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อยหนึ่งเข็ม และมีเพียง 6.7% ที่ฉีดครบสองเข็ม นอกจากนี้ 0.3% ได้รับวัคซีนเข็มสามแล้วโดยเป็นบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข
มีการใช้วัคซีนทั้งหมด 4 ชนิด ได้แก่ ซิโนแวก (48.77% ของจำนวนโดส), แอสตราเซนเนกา (43.95%) ซิโนฟาร์ม (7.00%) และไฟเซอร์ (0.28%) แต่ในแง่ของจำนวนคน มีผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกามากกว่าซิโนแวก 1.5 ล้านคน
ที่มา: VOAThai, กรมประชาสัมพันธ์ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 และ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel