คืนนี้! จับตาประกาศเงินเฟ้อ ตัวเลขสำคัญกำหนดทิศทางนโยบายการเงิน ตลาดคาดเงินเฟ้อสหรัฐฯ CPI เดือน ม.ค. พุ่ง 7.2% ทำสถิติใหม่อีกครั้ง ขณะที่ประธาน Fed สาขาคลีฟแลนด์ระบุ จะได้เห็นการขึ้นดอกเบี้ยทุกครั้งของการประชุม Fed
สหรัฐฯ เตรียมประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ตลาดมองว่าเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ตัวเลข CPI เดือน ม.ค. ดังนี้
ตัวเลขคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI)
- เพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนที่แล้ว (ชะลอตัวลงจาก ธ.ค. ที่ระดับ 0.6%)
- เพิ่มขึ้น 7.2% จากปีที่แล้ว และสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982 (เร่งตัวขึ้นจาก ธ.ค. ที่ระดับ 7%)
ตัวเลขคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน
- เพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนที่แล้ว (ชะลอตัวลงจาก ธ.ค. ที่ระดับ 0.6%)
- เพิ่มขึ้น 5.9% จากปีที่แล้ว (เร่งตัวขึ้นจาก ธ.ค. ที่ระดับ 5.5%)
นักเศรษฐศาสตร์มองว่า CPI เดือน ม.ค. จะเป็นสัญญาณเริ่มต้นในการชะลอตัวของเงินเฟ้อในหมวดสินค้า แต่จะได้เห็นอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในหมวดบริการรวมถึงราคาที่พักอาศัยในปี 2022 นี้
เงินเฟ้อจากค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น (Wage Push Inflation) สร้างแรงกดดันต่อภาคบริการ และมีแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อภาคบริการจะยิ่งเร่งตัวขึ้น แม้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ Fed มองว่าเป็นเรื่องชั่วคราวจะเริ่มผ่อนคลายลงบ้างก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เงินเฟ้อภาคบริการอาจไม่ได้พุ่งแรงขนาดนั้น แต่มันก็มากพอที่จะสร้างความลำบากแก่คนจำนวนมาก หากค่าเช่าบ้านหรือค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นต่อผู้คนนั้นแพงขึ้น โดยแนวโน้มค่าจ้างจะพุ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้ตลาดยังขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก
ขณะที่ Loretta Mester ประธาน Fed สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า Fed พร้อมขึ้นดอกเบี้ยในทุกการประชุม พร้อมแนะนำให้ Fed ลดการถือครองตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ลง
Mester กล่าวว่า เธอไม่ได้คาดหวัการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 25 bps ในเดือน มี.ค. นี้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของ Fed แต่เธอย้ำว่านี่ถึงเวลาแล้วที่ Fed ต้องถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่เริ่มไว้ในช่วงโควิด
อีกคำถามสำคัญคือ Fed จะเริ่มลดขนาดงบดุลมูลค่ามหาศาลที่ 9 ล้านล้านดอลลาร์อย่างไร โดย Mester แนะนำให้ Fed เริ่มต้นจากการขาย MBS ที่มูลค่ารวม 2.66 ล้านล้านดอลลาร์ออกให้หมด
การลดขนาดงบดุลครั้งล่าสุดของ Fed คือในปี 2017-2019 ที่ใช้วิธีการแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่เจ้าหน้าที่ Fed หลายคนรวมถึง Mester มองว่า ขนาดงบดุลตอนนี้ใหญ่กว่ามาก และเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะที่แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้น Fed สามารถลดขนาดงบดุลได้เร็วกว่าเดิม
อ้างอิง:
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel