สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประเทศไทยเตรียมเก็บภาษีซื้อขายหุ้นกับนักลงทุนรายย่อยเพื่อเป็นช่องทางหารายได้เพิ่มเติมรัฐบาล ซึ่งแหล่งข่าวทั้ง 3 แห่งให้ข้อมูลตรงกันกับสำนักข่าว
โดยชี้ว่ารัฐบาลอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการเก็บภาษีซื้อขายหุ้นที่ถูกผ่อนผันมาตั้งแต่ปี 2534 โดยภาษีดังกล่าวจะเรียกเก็บ 0.11% สำหรับนักลงทุนที่มีปริมาณการซื้อขายมากกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ การเก็บภาษีซื้อขายหุ้นเป็นหนึ่งในแผนการปฏิรูปภาษีของรัฐบาล อย่างไรก็ดี แผนดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น โดยรัฐบาลอยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบ และชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์และต้นทุนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาแผนเก็บภาษีกับผู้มีความมั่งคั่งในไทยเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น และไม่มีกรอบเวลาดำเนินการที่แน่นอน
ปัจจุบันประเทศไทยมีการเก็บภาษีกับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยยังได้รับข้อยกเว้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจ ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ขอออกความคิดเห็นกรณีที่ภาครัฐอยู่ระหว่างศึกษาเก็บภาษีซื้อขายหุ้น อ้างอิงจากสื่อต่างประเทศรอยเตอร์และบลูมเบิร์ก เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ และแนะนำสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สำนักข่าวรอยเตอร์และบลูมเบิร์ก รายงานปัจจัยที่อาจเป็นลบกดดันตลาดหุ้นไทย ประเด็นภาครัฐกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นที่ 0.11% สำหรับนักลงทุนที่ซื้อขายเกิน 1 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งภาษีดังกล่าวได้ถูกผ่อนผันมาตั้งแต่ปี 2534 โดยทีมกลยุทธ์คาดว่าน่าจะเป็นแผนปฏิรูปภาษีที่กำลังพิจารณาในขั้นต้นเท่านั้น แต่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน และแนะติดตาม
ขณะที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างภาษีในตัวใดบ้าง แต่ยืนยันระบบภาษีที่ปรับปรุงจะต้องส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และทั่วถึง โดยการนำมาใช้จะต้องสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel