ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนักสู่วันที่ร่วงหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 หนึ่งวันหลัง Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่สุดในรอบ 22 ปี
การปรับตัวลงมาของตลาดเมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) ชี้ให้เห็นถึงความกังวลของตลาดว่า Fed จะสามารถชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากพอที่จะระงับเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะถดถอยได้หรือไม่
ส่งผลให้ดัชนี Dow Jones ซึ่งประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่อย่าง Apple และ Nike ร่วงมากกว่า 1,000 จุด หรือ -3.1% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.6% และดัชนี Nasdaq ร่วงแรงสุดเกือบ 5%
การปรับตัวลงได้ลบล้างผลบวกของตลาดในวันพุธ (4 พ.ค.) เมื่อ Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยที่ 50 bps และเตรียมทำ QT เพื่อลดขนาดงบดุล
อย่างไรก็ตาม Kenny Polcari จาก Kace Capital Advisors มองว่า “แรงเทขายเมื่อวานนี้เป็นเรื่องตลกและไร้สาระสิ้นดี”
ก่อนหน้านี้เหล่านักวิเคราะห์ต่างรู้สึกโล่งใจที่ท่าทีของ Fed ไม่ได้เคลื่อนไหวในเชิงรุกมากกว่านี้ หลังเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยที่ 75 bps ไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการโดยรวม
แต่ความเคลื่อนไหวของ Fed จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมแพงขึ้น นอกจากนี้ ราคาของที่แพงขึ้นยังมีปัจจัยหนุนที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของธนาคารกลาง เช่น ราคาพลังงานที่สูงขึ้นจากวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน
ในเวลาที่ประธาน Fed มั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น นักลงทุนต่างกังวลว่าค่าครองชีพที่แพงขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อครัวเรือนในสหรัฐฯ และนั่นจะทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง
ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Amazon ได้เตือนถึงการเติบโตที่ชะลอตัว สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่หดตัว 1.4% ในไตรมาสแรกของปีนี้
ตั้งแต่ต้นปี ดัชนี Dow Jones ปรับตัวลงมาเกือบ 10% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 13% และดัชนี Nasdaq ร่วงแล้ว 22%
อ้างอิง: https://www.bbc.com/news/business-61337624
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel