Fed ประกาศลดวงเงินในมาตรการ QE ปลายเดือนนี้ ซึ่งเป็นก้าวแรกในการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ยังยืนยันไม่รีบร้อนขึ้นอัตราดอกเบี้ย
🏦 QE Tapering เดือนละ $15,000 ล้าน
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) แถลงการณ์หลังการประชุมเมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) ว่า Fed จะเริ่มลดวงเงิน QE ในปลายเดือนนี้ เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะลดวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์ และลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อจำนองค้ำประกันเดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์
การทำ QE Taper เกิดขึ้นหลังเศรษฐกิจมีความก้าวหน้าและบรรลุเป้าหมายที่ Fed ตั้งไว้ ตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว โดยตามกำหนดการ คาดว่า QE Tapering จะสิ้นสุดในเดือน ก.ค. 2022 แต่ Fed พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนวงเงินหากแนวโน้มเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง
การเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับความคาดหวังของตลาด หลัง Fed ส่งสัญญาณต่างๆ ว่าจะเริ่มลดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับสูงขึ้น
🏦 มุมมองเงินเฟ้อของ Fed
Fed ปรับมุมมองต่ออัตราเงินเฟ้อเล็กน้อย โดยยอมรับว่าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นรวดเร็วและคงอยู่นานกว่าที่คาด แต่ยังคงใช้คำว่า ‘ชั่วคราว’ กับสถิติเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 30 ปี
Fed กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่วนใหญ่สะท้อนถึงปัจจัยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว โดยความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดและการเปิดเศรษฐกิจใหม่ มีส่วนทำให้ราคาในบางอุตสาหกรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
Paul Ashworth หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics กล่าวว่า Fed ประกาศ QE Taper ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้อย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม Fed ยังคงยืนกรานว่าอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ซึ่งบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่ Fed สายพิราบ ยังคงเป็นเสียงส่วนใหญ่
เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงดำเนินต่อไป แต่อัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆ ลดลงในช่วงกลางปี 2022
FOMC กล่าวว่า ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนและการผ่อนคลายข้อจำกัดด้านอุปทานจะสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลงตามไปด้วย
🏦 ยืนยันไม่รีบร้อนขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เจ้าหน้าที่ Fed มีมติไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากกระดับใกล้ 0 ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์เช่นกัน โดยแถลงการณ์ของ Fed เน้นว่า นักลงทุนไม่ควรมอง QE Tapering เป็นสัญญาณของการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะยังมีประเด็นที่ต้องครอบคลุมก่อนบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ โดย Fed ต้องการเห็นตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อการแพร่ระบาดสายพันธุ์เดลต้าลดลง
เจ้าหน้าที่ Fed กล่าวว่า การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะไม่เริ่มขึ้นจนกว่า QE Tapering เสร็จสิ้น ซึ่งจากการคาดการณ์ที่เผยแพร่ในเดือน ก.ย. บ่งชี้ว่า อาจมีเกิดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากสุดเพียง 1 ครั้ง ในปีหน้า
ความเชื่อมั่นที่ว่า Fed อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีหน้าเริ่มจางหายไป หลังตลาดคาดว่า Fed จะผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตที่ชะลอตัวลงและเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel