ข้อมูลจาก CDC รายงานเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ว่า 70% ของประชากรผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสแล้ว แม้จะล่าช้ากว่าเป้าหมายของปธน.โจ ไบเดน ที่ต้องการวัคซีนครอบคลุมภายในวันชาติอเมริกา (4 ก.ค.)
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมองว่าเป้าหมายการฉีดวัคซีน 70% เป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
Dr. Paul Offit สมาชิกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และที่ปรึกษาด้านวัคซีนและผลิตภัณฑ์ชีวภาพ กล่าวว่า ต้องมีประชากรอย่างน้อย 80% ที่ได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่อย่างแท้จริง เพราะไวรัสสายพันธุ์เดลต้าสามารถแพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น
Dr. Natasha Bhuyan แพทย์ของโรงพยาบาล One Medical ในเมืองฟินิกซ์ มองว่า แม้ภาพรวมการฉีดวัคซีนทั้งประเทศจะอยู่ที่ 70% แต่ยังมีชุมชนท้องถิ่นที่สัดส่วนการฉีดวัคซีนต่ำและน่าเป็นห่วง
ยังมีพื้นที่ที่ประชากรได้รับวัคซีนเพียง 40-50% อยู่ และพื้นที่เหล่านั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาด ต่อให้สหรัฐฯ บรรลุเป้าหมายที่ 70% ก็ต้องเฉลิมฉลองด้วยความระมัดระวัง
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคได้ยกเลิกแนวทางก่อนหน้า และแนะนำให้ชาวอเมริกันที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคาร หากอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอัตราการติดเชื้อโควิดสูง โดยแนวทางใหม่ครอบคลุมประชากรถึง 2 ใน 3 ของสหรัฐฯ
ไวรัสสายพันธุ์เดลต้าโจมตีผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนอย่างรุนแรง แต่มีรายงานในผู้ที่ได้รับวัคซีนว่ายังสามารถพบเชื้อไวรัสในร่างกายระดับสูง และสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ ยืนยันว่าวัคซีนป้องกันโควิดที่ผลิตโดย ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้อย่างดี โดยเฉพาะการป้องกันอาการร้ายแรงไปจนถึงเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม อัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ ได้ชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ปัจจุบัน สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนโดยเฉลี่ย 660,000 โดสต่อวัน เพิ่มขึ้น 14% จากสัปดาห์ก่อน แต่ยังน้อยกว่าระดับสูงสุดที่เคยฉีดได้ช่วง เม.ย. อยู่ที่มากกว่า 3 ล้านโดสต่อวัน
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วัน ทะลุจุดสูงสุด อยู่ที่ 72,790 ราย โดยสูงกว่าช่วงฤดูร้อนก่อนหน้าที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีน โดยตอนนั้นมีผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 68,700 ราย
CDC เน้นย้ำว่าการแพร่กระจายส่วนใหญ่ในประเทศมาจากประชากรที่ยังไม่ได้รับวัคซีน พร้อมกล่าวถึงกลุ่มคนดังกล่าวให้ป้องกันตัวเอง พร้อมเข้ารับการฉีดวัคซีน
ที่มา: CNBC
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel