รัสเซียสามารถตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของยุโรปได้หลายทาง อย่างหาผู้ซื้อรายอื่นหรือลดการผลิตเพื่อให้ราคาแพงขึ้น ซึ่งหากรัสเซียตัดสินใจตอบโต้และโอเปกไม่เข้ามาแทรกแซง เศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (31 พ.ค.) เหล่าผู้นำ EU ได้ข้อตกลงร่วมกัน โดยจะหยุดนำเข้าน้ำมัน 90% จากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้
Hossein Askari ศาสตราจารย์จาก Washington University School of Business กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะไม่ลดลงในเร็วๆ นี้ และผลกระทบต่อการคว่ำบาตรรัสเซียจะต่อเนื่องยาวไป 2-3 ปี โดยแนะให้สหรัฐฯ ยืนหยัดใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียต่อไป และเข้มงวดมากขึ้นต่อผู้ผลิตน้ำมันกลุ่มโอเปกเพื่อเพิ่มการผลิตน้ำมัน
🛢️วิธีแรกในการตอบโต้ของรัสเซียคือ การหาผู้ซื้อรายอื่น แต่ไม่ว่ารัสเซียจะหาทางระบายน้ำมันดิบที่ถูกคว่ำบาตรได้หรือไม่ก็ตาม ราคาน้ำมันโลกก็จะได้รับผลกระทบอยู่ดี
Mikhail Ulyanov ตัวแทนของรัฐบาลรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะหาผู้นำเข้ารายอื่น ซึ่งคำพูดที่ขัดแย้งกับที่เคยกล่าวก่อนหน้านี้ของประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกำลังบอกว่า EU ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก
ตอนนี้รัสเซียมีผู้ซื้อน้ำมันดิบอื่นอยู่แล้ว 2 ราย คือ จีนและอินเดีย โดยทั้ง 2 ประเทศ ได้น้ำมันรัสเซียในราคาถูกกว่า และมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
โดยอินเดียนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพียงเล็กน้อยที่ประมาณ 2-5% ต่อปี แต่จีนเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของรัสเซียอยู่แล้ว โดยตั้งแต่ มี.ค.-พ.ค. จีนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียแล้ว 4.5 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
🛢️อีกวิธีคือ การลดกำลังการผลิต เพื่อดันให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น โดย Leonid Fedun รองประธานของ Lukoil บริษัทน้ำมันรัสเซียกล่าวว่า ควรลดการผลิตน้ำมันลงสูงสุด 30% และหลีกเลี่ยงการขายโดยมีส่วนลด เพื่อผลักดันราคาให้สูงขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สหรัฐฯ เริ่มกังวลว่า รัสเซียอาจปรับลดการผลิตและการส่งออกในช่วงฤดูร้อนเพื่อสร้างความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจให้กับยุโรป และคาดว่าการผลิตและการส่งออกน้ำมันของรัสเซียจะลดลงประมาณ 20% ภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม ถ้ารัสเซียลดการผลิตจริง ผู้ผลิตรายอื่นจะเข้ามาแน่นอนเพื่อควบคุมราคา โดย Financial Times รายงานว่า ซาอุดีอาระเบียเตรียมเพิ่มกำลังการผลิต หากผลผลิตของรัสเซียลดลง
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel