รัฐบาลอินเดียเตรียมใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ ในช่วงเวลาที่อินเดียซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 3 ของเอเชียกำลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด
วันนี้ (1 ก.พ.) Nirmala Sitharaman รมว.คลังของอินเดียเสนอร่างเพิ่มค่าใช้จ่ายประจำปีของอินเดียสู่ 39.5 ล้านล้านรูปี หรือประมาณ 5.29 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงการเพิ่มงบรายจ่ายการลงทุน (Capital Expenditure) อีก 35% สู่ 7.5 ล้านล้านรูปี เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจที่จะเริ่มขึ้นในเดือน เม.ย.
แผนกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว จะทำให้อินเดียเผชิญการขาดดุลงบประมาณที่ 6.4% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์นักวิเคราะห์โดย Bloomberg ที่ 6.1% โดยกระทรวงการคลังคาดว่างบประมาณอินเดียปีปัจจุบัน จะขาดดุลที่ 6.9% สูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 6.8%
หลังประกาศดังกล่าว ผลตอบแทนพันธบัตรอินเดียอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 9 bps โดยดัชนี Sensex เพิ่มขึ้นเกือบ 1% ขณะที่ดัชนี Nifty 50 ปรับตัวขึ้นมา 0.7%
เป้าหมายของรัฐบาลอินเดียคือ การผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยการเพิ่มงบประมาณในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างงาน และการเพิ่มกำลังการผลิต (Productivity) ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญต่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจที่หดตัวจากการระบาดใหญ่ในปีที่แล้ว
โดยเน้นการลงทุนผ่าน ‘7 เครื่องยนต์’ ได้แก่ ถนน, ทางรถไฟ, สนามบิน, ท่าเรือ, ระบบขนส่งสาธารณะ, การขนส่งทางน้ำ และระบบโครงสร้างพื้นฐาน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ในปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดในเดือน มี.ค. จะขยายตัวถึง 9.2% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในบรรดาประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยกระทรวงการคลังอินเดียคาดว่า GDP จะขยายตัวต่อเนื่องในปีหน้าที่ 8%-8.5%
รมว.คลังของอินเดียระบุว่า ร่างเพิ่มงบประมาณจะมีผลประโยชน์โดยตรงต่อกลุ่มเยาวชน ผู้หญิง และชาวนา ตลอดจนการลงทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังของอินเดียยังคาดการณ์ว่า การจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหุ้นของบริษัท Life Insurance ที่จะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ จะสามารถเพิ่มเงินทุนให้รัฐบาลได้มากถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ หากรัฐบาลขายหุ้นออก 5%
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel