FINNOMENA The Opportunity Morning Brief 06/05/2022
“ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนัก ติดลบ 3%-5% เเย่สุดในรอบ 2 ปี กังวลเศรษฐกิจถดถอย หลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ย”
ภาพความเคลื่อนไหวล่าสุดของตลาดหุ้นทั่วโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ Dow Jones ปิดที่ 32,997.97 จุด -1,063.09 จุด (-3.12%) S&P 500 ปิดที่ 4,146.87 จุด -153.3 จุด (-3.56%) Nasdaq ปิดที่ 12,317.69 จุด -647.16 จุด (-4.99%) Small Cap 2000 ปิดที่ 1,871.1 จุด -81.43 จุด (-4.17%) VIX Index อยู่ที่ 31.2 จุด +5.78 จุด (+22.74%)
ตลาดหุ้นยุโรป Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3,696.63 จุด -28.36 จุด (-0.76%) Dax เยอรมัน ปิดที่ 13,902.52 จุด -68.3 จุด (-0.49%) CAC 40 ฝรั่งเศส ปิดที่ 6,368.4 จุด -27.28 จุด (-0.43%) FTSE 100 อังกฤษ ปิดที่ 7,503.27 จุด +9.82 จุด (+0.13%)
ตลาดหุ้นเอเชีย (ราคาปิดวันทำการล่าสุด) Nikkei 225 ญี่ปุ่น ปิดที่ 26,818.53 จุด -29.37 จุด (-0.11%) CSI 300 จีน ปิดที่ 4,010.33 จุด -5.91 จุด (-0.15%) Hang Seng ฮ่องกง ปิดที่ 20,793.40 จุด -76.12 จุด (-0.36%) SET Index ไทย ปิดที่ 1,643.3 จุด -8.99 จุด (-0.54%) VN30 เวียดนาม ปิดที่ 1,404.88 จุด +15.29 จุด (+1.1%)
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (เช้าวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ) ราคาทองคำ 1,870.05 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาแร่เงิน 22.339 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบ WTI 108.58 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบ Brent 111.2 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ
ราคา Cryptocurrency (เช้าวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ) Bitcoin 36,330 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Ethereum 2,739.15 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Dogecoin 0.1275 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Binance 376.1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนัก! ติดลบ 3% – 5% แย่สุดในรอบ 2 ปี ตลาดเริ่มกังวลเศรษฐกิจ หลัง Fed เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนั้น จะสามารถชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากพอที่จะระงับเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะถดถอยได้หรือไม่? ทำให้ตลาดเข้าสู่สภาวะ Risk Off อีกครั้งโดยนักลงทุนต่างเทขายอย่างหนักเมื่อคืนนี้
ธนาคารกลางอังกฤษขึ้นดอกเบี้ย สู่ระดับ 1% สูงสุดรอบ 13 ปี เตือนภาวะเศรษฐกิจถดถอย นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 4 ของปีนี้ โดยครั้งนี้มีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ 1% โดยกรรมการ 6 เสียงโหวตให้ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% 3 เสียงโหวตให้ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในครั้งนี้ ท่ามกลางความกังวลของเงินเฟ้อเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 7% สูงสุดรอบ 30 ปี โดยสาเหตุมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เเละการล็อกดาวน์ในจีนทำให้เกิดปัญหา Supply Shortage
OPEC+ ประชุมมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนมิ.ย. โดยยังคงเพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. โดยไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ค. ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากสหรัฐและหลายชาติที่นำเข้าน้ำมันต่างเรียกร้องให้ OPEC+ เพิ่มการผลิตให้มากขึ้นกว่าในระดับปัจจุบัน ด้าน OPEC+ กล่าวปัญหาราคาน้ำมันในปัจจุบัน ไม่ได้เกิดจาก OPEC+ เเต่เกิดจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกต่อรัสเซีย
WHO เผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด 15 ล้านรายทั่วโลก สูงกว่าตัวเลขในรายงาน 3 เท่า โดยเป็นยอดรวมจากผู้เสียชีวิตทั้งทางตรงเเละทางอ้อมจากการระบาดของโรคโควิด-19 เช่น การเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาลเพราะระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับไหว ด้านเศรษฐกิจจีนเจอแรงกดดันช่วงวันหยุด เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ของทางการจีน
Elon Musk และ Cathie Wood เห็นด้วย กองทุน ‘Passive’ ทำนักลงทุนพลาดโอกาสลงทุนหุ้นเติบโต อย่างเช่น Tesla ที่ไม่ได้อยู่ในพอร์ตกองทุน Passive ในช่วงเริ่มต้นกิจการ รวมถึงบลจ.ที่บริหาร กองทุน Passive ต่างๆถือหุ้นในบริษัทในตลาดหุ้นมากพอจนสามารถมีอำนาจไปกำหนดทิศทางของบริษัทได้
เงินเฟ้อไทย เม.ย. พุ่ง 4.65% จากต้นทุนการผลิตแพง-สงครามยูเครน ราคาพลังงาน (+21.07% YoY) อาหารสด (+4.83% YoY) และต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้น จนส่งผลให้ราคาอาหารสำเร็จรูปสูงขึ้น ด้าน สนค. คาดเงินเฟ้อปี 65 อยู่ที่ 4.5% ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง