เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 มิ.ย.) ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวลง 20% จากจุดสูงสุด เข้าสู่ภาวะตลาดหมีในที่สุด
ราคาหุ้นต่างปรับตัวลงอย่างรุนแรงจากจุดสูงสุด โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี เช่น Meta ลดลงกว่า 50% หรือ Amazon ลดลง 39% ในขณะที่ Microsoft, Apple และ Alphabet ต่างสูญเสียมูลค่าหนึ่งในสี่จากระดับสูงสุดเมื่อปีก่อน
เมื่องานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา นักลงทุนจึงควรปรับมุมมองการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะอารมณ์ที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการลงทุน หลายคนต่างหวาดกลัวเมื่อเห็นดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงกว่า 20% โดยที่หลงลืมไปว่าเคยทำกำไรได้มากกว่านั้น
การตอบสนองที่ดีที่สุดต่อตลาดหมีอาจเป็นการยึดมั่นในแผนของตนเอง ลองพิจารณาเป้าหมายในการลงทุน ความกังวลใจมักเกิดจากความบกพร่องในการประเมินความเสี่ยงของพอร์ตฟอลิโอ หากยังไม่เข้าใจ ลองดูวิธีรับมือดังต่อไปนี้
1.พิจารณาประเภทหุ้นที่ลงทุน
สำรวจว่าเราลงทุนหุ้นกี่ประเภท เช่นการลงทุนหุ้น Tesla เพียงเพราะรับรู้ว่าหุ้นดังกล่าวให้ผลตอบแทนสูง ทำให้ขาดการพิจารณาลักษณะของหุ้น ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ต่างอะไรจากการพนัน
Dave Alison จาก Alison Wealth Management กล่าวว่า “ผู้คนต่างคิดว่าหุ้นจะเติบโตอย่างเดียว และมองข้ามความเสี่ยงต่างๆไป เมื่อหุ้นดังกล่าวปรับตัวลงอย่างรุนแรง พวกเขาก็จะเสียใจภายหลัง” หากทนทุกข์กับการถือหุ้น การไม่ทำอะไรอาจเป็นตัวเลือกที่ดี
2.กระจายความเสี่ยง
การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ หุ้นหรือพันธบัตรในปัจจุบันมีความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ พันธบัตรออมทรัพย์ หรืออสังหาริมทรัพย์ เป็นตัวเลือกที่ดีในการกระจายความเสี่ยง ทุกสินทรัพย์ย่อมได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่การกระจายการลงทุนจะเพิ่มโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ราคาถูก
3.ฝากเงินออมทรัพย์
การถือเงินสดเป็นอีกทางเลือกยอดนิยม แต่ทางเลือกที่ดีกว่าคือการนำเงินสดไปฝากออมทรัพย์ ปัจจุบันธนาคารในสหรัฐฯ เช่น Barclay, Alley bank, และ Marcus ต่างปรับผลตอบแทนสูงถึง 0.85% ต่อปี นอกจากนี้กองทุนรวมตลาดเงินยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีเพราะอัตราผลตอบแทนปรับตัวตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel