กบข. กองทุนที่เป็นความหวังของข้าราชการไทย ปัจจุบัน มีสมาชิกประมาณ 1.18 ล้านคน มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิประมาณ 1.12 ล้านล้านบาท (ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 2564) เปิดเผยผลประกอบการครึ่งแรกปี 2564 โดยแผนหลัก (GFP) ที่เป็นแผนการลงทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีสินทรัพย์ 4.24 แสนล้านบาท สร้างผลตอบแทนได้ 3.68%
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยผลตอบแทนการลงทุนแผนหลักในช่วงครึ่งปีแรกในวันนี้ (7 ก.ย.) กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 3.68% สะท้อนกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงโดยเน้นลงทุนสินทรัพย์เติบโต (Growth assets) คาดครึ่งปีหลังเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวต่อเนื่อง
ดร. ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ผลการลงทุนของ กบข. ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 (ม.ค. – มิ.ย. 2564) กบข. สามารถสร้างผลตอบแทนแผนหลัก (ก่อนหักค่าใช้จ่าย) สูงถึง 3.68% โดยสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุด 3 อันดับ ประกอบด้วย สินค้าโภคภัณฑ์ 26.2% ตราสารทุนโลกตลาดพัฒนาแล้ว 13.1% และตราสารทุนไทย 9.0% สะท้อนการวางกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นลงทุนสินทรัพย์เติบโต ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา
เมื่อดูจากสัดส่วนการลงทุน (ณ มิถุนายน 2564) พบว่ากองทุน กบข. ให้น้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์หลัก คือ
- ตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย 23.69%
- ตราสารหนี้ภาครัฐไทย 22.35%
- ตราสารทุนโลกตลาดพัฒนาแล้ว 10.18%
- ตราสารทุนโลกตลาดเกิดใหม่ 4.80%
- ตราสารทุนไทย 4.72%
- อื่นๆ 34.26%
ขณะที่ สัดส่วนการถือครองหลักทรัพย์ตราสารทุน หรือหุ้น ในพอร์ตของ กบข. พบว่ามีรายชื่อหุ้นเป็นที่รู้จักในระดับโลกจำนวนมาก
- ตราสารทุนไทย 3 อันดับหลักทรัพย์ ที่มีสัดส่วนการถือครองสูงสุด ได้แก่ PTT, AOT และ ADVANC
- ตราสารทุนโลกพัฒนาแล้ว 3 อันดับหลักทรัพย์ ที่มีสัดส่วนการถือครองสูงสุด ได้แก่ ALIBABA, FACEBOOK และ MICROSOFT
- ตราสารทุนโลกตลาดเกิดใหม่ 3 อันดับหลักทรัพย์ ที่มีสัดส่วนการถือครองสูงสุด ได้แก่ TSMC, SAMSUNG และ TENCENT
สำหรับแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 กบข. มองว่า เศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงต้องจับตามองคือ แผนการบริหารจัดการสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (Tapering) แนวโน้มการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด และทิศทางของ yield พันธบัตรระยะยาวอายุ 10 ปี ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดทุนและตลาดเงินทั่วโลก นอกจากนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ทำให้ความสำคัญของกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงมีความจำเป็นอย่างมาก กบข. จึงวางกลยุทธ์การลงทุนโดยปรับลดระยะเวลาการถือครองพันธบัตรเพื่อป้องกันความเสี่ยง และปรับลดอัตราการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับมุมมองเงินบาทที่อ่อนค่าลง
ทั้งนี้คาดการณ์ว่าในไตรมาส 4 ปีนี้ ตัวเลขการส่งออกของไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้า อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นมาได้ ผนวกกับเป็นช่วงที่ไทยจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนได้มากขึ้น และในปี 2565 นักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับเข้ามาในประเทศได้ ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น และเศรษฐกิจจะกลับมาขับเคลื่อนได้อีกครั้ง
อ้างอิง: กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel