สหรัฐฯ กำลังเผชิญ 3 เส้นตายทางเศรษฐกิจที่ต้องจัดการก่อนสิ้นปีนี้ตั้งแต่การขยายเพดานหนี้ การผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงการเพิ่มงบประมาณภาครัฐ ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่ออนาคตของสหรัฐฯ ในอีกหลายปีข้างหน้า
🏛️ 18 ต.ค. เส้นตายแรก คือ การขยายเพดานหนี้
Janet Yellen รมว.คลัง กล่าวว่า เงินสดคงคลังของรัฐบาลจะหมดภายในวันที่ 18 ต.ค. นี้ ทำให้สหรัฐฯ ไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนิติบัญญัติยังไม่มีแนวทางแก้ไขวิกฤติดังกล่าวอย่างชัดเจน
หากสภาคองเกรสล้มเหลวในการจัดการเพดานหนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น และทำให้สหรัฐฯ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือ คนจะตกงานหลายล้านตำแหน่ง รวมถึงความปั่นป่วนในเศรษฐกิจโลก
ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคเดโมแครตได้เสนอร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้หลายครั้ง แต่ถูกคัดค้านโดยวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันมาโดยตลอด ซึ่งคาดว่าร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ที่จะเสนอในสัปดาห์นี้โดย Chuck Schumer วุฒิสภาเดโมแครต จะถูกคัดค้านเช่นเดิม
พรรครีพับลิกันมองว่า เดโมแครตควรรวมการขยายเพดานหนี้ไว้ในร่างงบประมาณมูลค่า 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ ปธน.โจ ไบเดน และพรรคเดโมแครต กล่าวว่า จุดยืนของรีพับลิกันเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ทางการเมือง และตอนนี้สหรัฐฯ มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ
ความล้มเหลวในการขยายเพดานหนี้ไม่เพียงปิดประตูการใช้จ่ายในอนาคต แต่ยังทำให้สหรัฐฯ ไม่สามารถจัดการภาระผูกพันในปัจจุบันได้ โดยตั้งแต่ปี 1960 สภาคองเกรสได้ขยายเพดานหนี้ไปทั้งหมด 78 ครั้ง ซึ่งในทศวรรษที่ผ่านมา รีพับลิกันใช้เส้นตายการขยายเพดานหนี้เป็นเครื่องมือเพื่อเพิ่มอำนาจทางการเมือง (Political Leverage) มาหลายครั้ง
หากพรรครีพับลิกันไม่เปลี่ยนจุดยืนดังกล่าว พรรคเดโมแครตอาจต้องจัดการกับเพดานหนี้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสภารีพับลิกันผ่านการ Budget Reconciliation หรืออาจต้องทำผ่านแผนงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งจะลงทุนในเครือข่ายสวัสดิการสังคมและพลังงานสีเขียว
🏛️ 31 ต.ค. เส้นตายสอง ปธน. โจ ไบเดน ต้องผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน
พรรคเดโมแครตยังต้องเร่งผ่านทั้งร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน และร่างขนาดใหญ่กว่าที่ลงทุนในสวัสดิการสังคม ก่อนที่โครงการระดมทุนด้านการขนส่งจะหมดอายุในวันที่ 31 ต.ค.
โจ ไบเดน และสมาชิกพรรคเดโมแครตพยายามเชื่อมโยงทั้งสองแผนเข้าด้วยกัน หลังสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายก้าวหน้า กล่าวว่า จะไม่ลงคะแนนเสียงในร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน จนกว่าร่างกฎหมายการใช้จ่ายเพื่อสังคมจะผ่านอนุมัติจากวุฒิสภา ทำให้พรรคต้องยอมรับข้อตกลง และเขียนร่างกฎหมายฉบับสุดท้ายเพื่อเอาชนะเส้นตายในอีกไม่ถึง 1 เดือน
พรรคเดโมแครตเสนอร่างกฎหมายสายกลาง เพื่อทำให้ทั้งสมาชิกพรรคที่อนุรักษ์นิยมที่สุดและเสรีนิยมที่สุดยินดีที่จะสนับสนุนแผนดังกล่าว ซึ่งเดโมแครตอาจต้องปรับลดงบประมาณมูลค่า 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ ลงมา
Joe Manchin วุฒิสภาเดโมแครตของรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย กล่าวว่า จะไม่สนับสนุนงบประมาณที่มากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเดโมแครตต้องการเสียงจากวุฒิสภาทั้งหมด 50 เสียงเพื่อผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งดูเหมือนว่าพรรคเดโมแครตจะสูญเสีย 2 เสียงแน่นอน จาก Joe Manchin และ Kyrsten Sinema วุฒิสภาเดโมแครตของรัฐแอริโซนา
โจ ไบเดน เตรียมเสนอร่างแผนเศรษฐกิจในวันอังคารหน้า (12 ต.ค.) และได้เตรียมพูดคุยกับสมาชิกพรรคสายก้าวหน้า (Progressives) และสายกลาง (Centrists) แยกกันในสัปดาห์นี้
หากประสบความสำเร็จในการเจรจา สภาคองเกรสจะสามารถผ่านร่างเพื่อปรับปรุงการขนส่ง และระบบสาธารณูปโภค ซึ่งนี่อาจเป็นการขยายผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
หากล้มเหลวในการผ่านร่างกฎหมายใช้จ่ายเพื่อสังคม พรรคเดโมแครตจะต้องเผชิญเส้นตายอื่นๆ เช่น การขยายเครดิตภาษีสำหรับเด็กอาจทำได้ถึงปีภาษี 2021 เท่านั้น
🏛️ 3 ธ.ค. เส้นตายสาม เพิ่มงบประมาณภาครัฐก่อนชัตดาวน์
ในปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา สภาคองเกรสอนุมัติกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและทำให้หน่วยงานของรัฐรอดพ้นการชัตดาวน์ไปได้อย่างหวุดหวิด โดยปธน. โจ ไบเดน กล่าวว่า นี่คือการตอบสนองที่สำคัญและเร่งด่วนของประเทศ และสภายังมีเรื่องที่ต้องดำเนินการอีกมาก
อย่างไรก็ตาม งบประมาณดังกล่าวจะทำให้ภาครัฐสามารถดำเนินงานต่อไปจนถึง 3 ธ.ค.เท่านั้น ซึ่งพรรคเดโมแครตจำเป็นต้องเร่งขยายเพดานหนี้และเร่งผ่านแผนเศรษฐกิจของปธน. โจ ไบเดน ทั้ง 2 แผน เพื่อเพิ่มงบประมาณภาครัฐ และป้องกันไม่ให้หน่วยงานภาครัฐต่างๆ ถูกปิดตัวลง
อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2021/10/05/here-are-the-3-major-economic-deadlines-facing-congress-by-year-end.html
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel