แม้จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ บาดแผลครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจและผู้คน แต่ในทุกๆ ครั้ง ‘เศรษฐกิจถดถอย’ ล้วนมีความเจ็บปวดในรูปแบบของตัวเอง และสำหรับครั้งถัดไป นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจร่วงไม่หนักแต่ลากยาว
“ยาวนาน ปานกลาง แต่เจ็บปวด” คือ 3 คำที่เหล่านักเศรษฐศาสตร์ให้ไว้สำหรับ ‘เศรษฐกิจถดถอย’ ครั้งถัดไปที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปีหน้า
“ข่าวดีคือ ข้อจำกัดความรุนแรงในการหดตัวของเศรษฐกิจ แต่ข่าวร้ายคือมันจะยืดเยื้อและยาวนาน” Robert Dent นักเศรษฐศาสตร์จาก Nomura Securities และอดีตนักวิเคราะห์ของ Fed สาขานิวยอร์กกล่าว
ไม่นานมานี้ ‘เจอโรม พาวเวลล์’ ประธาน Fed ยอมรับว่า มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอยู่ในสภาวะที่ดีพอที่จะทนต่อการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed โดยมองว่า ความล้มเหลวในการกำจัดเงินเฟ้อเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่กว่าการผลักดันให้สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยเสียอีก
แต่ตอนนี้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่สนใจคำพูดของ Fed และเตือนว่า เศรษฐกิจย่ำแย่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้มองว่ามันจะเลวร้ายเท่ากับช่วงต้นทศวรรษ 1980 หรือวิกฤติการเงินในปี 2007-09 ที่อัตราว่างงานขึ้นอยู่ที่ 2 หลัก
ความรุนแรงและระยะเวลาของเศรษฐกิจถดถอยจะถูกกำหนดโดย ‘เงินเฟ้อ’ เป็นส่วนใหญ่ รวมถึงความเจ็บปวดที่ Fed ยอมรับได้ในการสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเพื่อลดระดับเงินเฟ้อ
✦ สำหรับความรุนแรง นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า การลดลงของ GDP จะน้อยกว่าวิกฤติการเงินครั้งใหญ่ในปี 2007-09 หรือวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงทศวรรษ 1980 ที่เงินเฟ้อสูงใกล้เคียงกับระดับปัจจุบัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันแข็งแกร่งกว่าในอดีตมาก
ทั้งผู้บริโภค ธนาคาร และตลาดที่อยู่อาศัยต่างก็อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าช่วงก่อนเกิดภาวะถดถอยในปี 2007-09 โดยภาระหนี้ครัวเรือนอยู่ที่เพียง 9.5% ของรายได้ส่วนบุคคลสุทธิเทียบกับ 13.2% ในปลายปี 2007
และแม้ตลาดที่อยู่อาศัยจะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยการกู้บ้านที่เพิ่มขึ้นของ Fed แต่สภาวะตลาดยังดีกว่าตอนช่วงปี 2006-07 อยู่มากที่อุปทานจมจากการเฟื่องฟูของอสังหาฯ เก็งกำไร
สำหรับตลาดแรงงาน ตอนนี้มีปัญหาการขาดแคลนแรงงานจากการเกษียญอายุของเบบี้บูมเมอร์และการแรงงานที่อพยพเข้ามาน้อยลง นี่จะทำให้บริษัทต่างๆ ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการปลดพนักงานออกในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการถดถอยไม่รุนแรงนัก
✦ สำหรับระยะเวลา อาจยาวนานกว่า 8 เดือนที่เคยหดตัวในช่วงปี 1990-91 และ 2001 เพราะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ Fed ไม่สามารถใช้เครื่องมือทางการเงินแบบผ่อนคลายมาฟื้นฟูการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้
Bloomberg Economics มองว่า Fed ไม่มีทางหยุดการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดจนกว่าจะเห็นเงินเฟ้อลดลงอย่างชัดเจน การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอ และนั่นจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยยืดเยื้อ
อย่างไรก็ตาม Goldman Sachs มองว่า เงินเฟ้อไม่ได้ฝังอยู่ในเศรษฐกิจหรือในจิตใจของชาวอเมริกันเหมือนสมัยที่ Paul Volcker เข้ารับตำแหน่งประธาน Fed ในปี 1979 ดังนั้น อาจจะไม่ต้องใช้เวลายาวนานเท่านั้นสำหรับ Fed ในตอนนี้ในการดึงเงินเฟ้อกลับมา
✦ ไม่ว่ารูปแบบของเศรษฐกิจถดถอยจะเป็นยังไง สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือความเจ็บปวด ในการเกิดเศรษฐกิจถดถอย 12 ครั้งที่ผ่านมานับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเฉลี่ยแล้ว เศรษฐกิจหดตัว 2.5% การว่างงานเพิ่มขึ้น 3.8% ผลกำไรของบริษัทลดลง 15% และมีความยาวเฉลี่ยที่ 10 เดือน
ต่อให้การเกิดเศรษฐกิจถดถอยครั้งถัดไปจะไม่ได้รุนแรง แต่ชาวอเมริกันหลายแสนอาจต้องตกงาน ตลาดหุ้นที่ร่วงแรงอยู่แล้วอาจร่วงหนักกว่าเดิมจากกำไรที่ลดลงของบริษัท รวมถึงความนิยมของปธน.โจ ไบเดนที่แย่อยู่แล้ว อาจยิ่งแย่ลงไปอีก
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel