1. เลือกใช้ Cold Wallet
เนื่องจาก Cold Wallet จะไม่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจึงทำให้ไม่สามารถถูกแฮ็กได้ การเลือกเก็บเหรียญคริปโตฯ ไว้ใน Cold Wallet จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการปกป้อง Private Key ของคุณ และคุณอาจเลือกใช้ Hard Wallet ในการจัดเก็บคริปโตฯ ได้เช่นกัน เช่น Trezor, Ledger หรือ Safepal
2. เลือกเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัย
เมื่อทำการเทรดหรือซื้อ-ขายคริปโตฯ ให้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตที่น่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อ Wi-Fi และถึงแม้ว่าจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตบ้าน แนะนำให้ใช้ VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัย เพราะ VPN จะเปลี่ยน IP addres และ Location เพื่อให้ Browsing Activity ของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
3. เลือกใช้ Wallet ที่หลากหลาย
ควรเก็บคริปโตฯ ใน Wallet ที่หลากหลายเพื่อป้องกันการสูญเสียเมื่อเกิดการแฮ็กขึ้น โดยอาจเก็บไว้ใน Software Wallet สำหรับการทำธุรกรรมทั่วไป เพราะมีความสะดวกสบายมากกว่า Cold Wallet และสำหรับการเก็บสะสมมูลค่าอาจเก็บใน Hard Wallet แทนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
4. หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์อยู่เสมอ
ใช้ Anti-Virus Firewall เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้กับกระเป๋าเงินดิจิทัลของคุณและหมั่นตรวจสอบ แสกนหาไวรัสและหาตัวช่วยในการเสริมเกราะป้องกันทางดิจิทัลของคุณอยู่เสมอ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย (Security Software) เช่น ESET Antivirus, Guard.io และ Bitdefender Antivirus
5. หลีกเลี่ยงการใช้ Password ที่ซ้ำกัน
ใช้ระบบยืนยันตัวตนสองชั้น (Two-Factor Authentication) และหมั่นเปลี่ยน Password อยู่เสมอ ที่สำคัญคือไม่บันทึก Password ของคุณไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลนี้ เลือกสร้างรหัสผ่านที่เดาได้ยากและไม่มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลพื้นฐานของคุณ เช่น วัน/เดือน/ปีเกิด
TechToro
References
- https://cisomag.eccouncil.org/cryptocurrency-wallet-security/
- https://roboticsandautomationnews.com/2021/11/05/6-ways-to-keep-your-cryptocurrency-safe/46992
- https://coinrivet.com/guides/security/11-ways-to-keep-your-bitcoin-wallet-safe/
- https://windowsreport.com/cryptocurrency-trading-ecurity-software/
คำเตือน
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง อาจสูญเสียเงินลงทุนผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจและศึกษาข้อมูลรวมทั้งลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้