เชื่อว่าหลายคนเคยรู้สึกว่า อยากให้มีเวลาในวันวันหนึ่งมากขึ้นกว่านี้ รู้สึกว่าเวลาที่มีอยู่ในแต่ละวันนั้นไม่เพียงพอต่อภารกิจต่างๆ ที่ต้องทำ หลายคนที่เจอปัญหานี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีนิสัยรักการตื่นเช้าเป็นประจำ (เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น) ส่วนคนที่ตื่นเช้าเป็นประจำอยู่แล้ว หลายคนอาจจะรู้สึกว่ายังใช้เวลาช่วงเช้าได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนกลุ่มไหน วันนี้เรานำเคล็ดลับดีๆ ที่ได้จากบทความของ Business Insider มาฝาก เป็นบทความที่รวบรวมเทคนิคจากผู้ที่ตื่นเช้า ว่าพวกเขาทำอะไรบ้างที่ช่วยให้วันทั้งวันเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ เราเห็นว่าน่าจะช่วยจุดประกายความคิดของหลายๆ คนเลยลองนำมาเรียบเรียงใหม่ให้ได้อ่าน ลองมาดูกันว่าเราสามารถทำอะไรในช่วงเช้า เพื่อที่จะทำให้วันทั้งวันของเรามีประสิทธิภาพและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบ้าง เผื่อนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานและการลงทุนได้ค่ะ
1. หั่น 1 วันเป็น 2 ช่วงเวลา
วิธีนี้เป็นวิธีที่เราชอบใช้เหมือนกันค่ะ เราจะแบ่งวันวันหนึ่งออกเป็นสองช่วง คือช่วงเช้ากับช่วงบ่าย ช่วงเช้าเราจะเก็บไว้ทำงานหรือภารกิจอะไรก็ตามที่ต้องใช้แรงกายแรงใจ ต้องคิดต้องเค้น ต้องใช้ความเร็ว หรือว่าต้องส่งภายในเร็วๆ นี้ เพราะช่วงเช้าเราจะยังมีพลังอยู่ ยังสดชื่นอยู่ (แม้บางวันจะแอบง่วง แต่กาแฟช่วยได้!) สำหรับนักลงทุน อาจจะสามารถใช้ช่วงเวลานี้อัพเดตความเคลื่อนไหวของตลาด หรือวิเคราะห์สินทรัพย์ที่สนใจก็ได้
ส่วนช่วงบ่าย เนื่องจากว่าร่างกายอาจจะเริ่มเนือยแล้ว เราจะเก็บช่วงบ่ายไว้ทำงานที่ต้องใช้เวลาครุ่นคิดนาน ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ หรืองานง่ายๆ ที่ไม่ต้องคิดวิเคราะห์หนักเกินไป นักลงทุนอาจจะใช้ช่วงเวลานี้ในการกลับมาทบทวนกลยุทธ์ของตัวเอง ตรวจสอบพอร์ตการลงทุนของตัวเองว่ายังตรงตามเป้าหมายอยู่มั้ย และเตรียมวางแผนว่าในวันพรุ่งนี้อยากจะทำอะไรต่อ
2. เริ่มทำงานให้เร็วขึ้น
หากใครต้องทำงานในออฟฟิศ ในที่นี้คือการไปถึงออฟฟิศให้เช้าขึ้นกว่าเวลางาน เพื่อที่จะได้มีเวลาเพิ่มในการจัดการระเบียบต่างๆ เช่น การเช็กอีเมล เช็กตารางงาน เช็กงานที่คั่งค้าง ดูว่าวันนี้เราต้องทำอะไรให้เสร็จบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาการทำงานไปกับกิจกรรมยิบย่อยพวกนี้ สำหรับใครที่ไม่ชอบไปออฟฟิศช่วงเช้า ก็อาจจะเริ่มต้นการจัดระเบียบงานที่บ้านก็ได้ เราเองก็ทำแบบนี้เหมือนกันเพราะสะดวกรวดเร็วดี ส่วนนักลงทุนก็อาจจะใช้ช่วงเวลาเล็กๆ นี้ทบทวนดูว่าวันนี้มีอะไรที่ต้องจัดการบ้าง มีสินทรัพย์ตัวไหนที่เล็งซื้อ/ขายไว้ ต้องโทรหาโบรกเกอร์มั้ย ฯลฯ
3. ใช้เวลาเงียบๆ กับตัวเอง
สำหรับใครที่รู้สึกว่า อยากหั่นเวลาช่วงเช้าออกมาจากความวุ่นวายสักพักหนึ่ง ก็ถือว่าไม่ผิดเช่นกัน เพราะการที่สมองเราครุ่นคิดเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลานั้นอาจจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยหน่ายได้ เราจึงสามารถแบ่งเวลาช่วงเช้ามาอยู่นิ่งๆ กับตัวเอง อาจจะเป็นการนั่งสมาธิ การแช่ในอ่างอาบน้ำนิ่งๆ การไปเดินเล่นเงียบๆ กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้สมองของเราได้ผ่อนคลายลงนิดหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เราสามารถโฟกัสกับงานในวันนั้นๆ ได้ดีขึ้น
4. ตรวจสอบสิ่งที่ต้องทำอย่างน้อย 2 ครั้ง
ทั้งนี้ก็เพื่อย้ำเตือนตัวเองว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง ก่อนที่จะลืมไปเสียก่อน เราอาจจะจดโน้ตแปะเอาไว้ในที่ที่เราเห็นได้ง่าย เช่น ในมือถือ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือบนผนังที่เห็นได้ง่ายๆ โดยเราสามารถตรวจสอบสิ่งที่ต้องทำได้ทุกเวลา อาจจะตรวจสอบช่วงก่อนนอน 1 ครั้งเพื่อดูว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง ตรวจสอบช่วงตื่นเช้า 1 ครั้งเพื่อดูภารกิจสำหรับวันนี้ ตรวจสอบอีก 1 ครั้งท้ายสัปดาห์ว่าสัปดาห์หน้าต้องทำอะไรเสร็จบ้าง ทำแบบนี้บ่อยๆ รับรองว่าชีวิตมีระเบียบ แผนการลงทุนเข้าที่เข้าทางแน่นอน
5. ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ
กิจกรรมนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่อยู่ในเมืองสักเท่าไร แต่สำหรับใครที่บ้านอยู่ใกล้ธรรมชาติ ถือว่าโชคดีไม่น้อย เพราะสามารถใช้เวลาช่วงเช้าไปกับการเดินเล่นข้างนอก อาจจะพาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่นด้วยก็ได้ หรือการทำกิจกรรมเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศช่วงเช้าที่ยังสงบสุข การอยู่ร่วมกับธรรมชาติในช่วงเวลาหนึ่งจะช่วยให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น และปลอดโปร่งขึ้น พร้อมลุยงานที่ต่อคิวมาให้เราจัดการในวันนั้นๆ ได้
6. อย่าลืมทานมื้อเช้าให้อิ่ม
เราได้ยินกันมาตลอดว่ามื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญของวัน ควรจะเลือกอาหารที่มีประโยชน์และทำให้เราอิ่มนาน โดยเฉพาะใครที่รู้ตัวว่างานยุ่งทั้งวัน หรือ มักจะอินกับงานจนเผลอลืมเจียดเวลาให้กับการทานข้าว ควรใช้เวลาช่วงเช้าทานอาหารเช้าให้อิ่มๆ เพื่อที่เราจะได้มีพลังไปลุยงานในวันนั้นๆ อย่างน้อย หากเรางานยุ่งจริงๆ จนไม่สามารถเจียดเวลาไปทานอาหารระหว่างวันให้ตรงเวลาได้ เราก็จะยังไม่หิว (แต่ไม่แนะนำนะ ถ้าเป็นไปได้ควรทานอาหารให้ตรงเวลา) ลองดูสำหรับใครที่ไม่ค่อยทานอาหารเช้าแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยมีพลังในการทำงาน หรือที่ใครจ้องจอหุ้นนานๆ จนลืมเวลา บางทีแค่เปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารก็อาจจะช่วยให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้
7. ตรวจสอบข่าวสาร
อีกกิจกรรมหนึ่งที่สามารถทำช่วงเช้าได้คือการทุ่มเวลาให้กับการอัพเดตข่าวสาร หรือการเช็กอีเมล มันอาจจะใช้เวลาสักพัก แต่การตรวจสอบข่าวสารก่อนเริ่มทำงานก็จะทำให้เรารู้สึกว่าเราพร้อมรับทุกสถานการณ์ เพราะเรารู้สิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดแล้ว อย่างที่บอกไปข้างต้น นักลงทุนสามารถใช้ช่วงเช้าไปกับการอัพเดตสถานการณ์ตลาด เพื่อประกอบกลยุทธ์การลงทุนของตัวเอง ยิ่งเรารู้เยอะ รู้เท่าทันสถานการณ์เท่าไร เราก็จะยิ่งเพียบพร้อมไปด้วยข้อมูลสำหรับการทำงานมากขึ้นเท่านั้น
8. ฟัง Podcast
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ค่อยๆ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นท่ามกลางเทคโนโลยีที่เพียบพร้อม และตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบอ่านได้เป็นอย่างดี เราสามารถเลือกฟัง Podcast ในหัวข้อที่เราสนใจได้ โดยที่ได้ข้อมูลความรู้เสมือนอ่านหนังสือเลยทีเดียว เหมาะสำหรับคนเมืองที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ ไม่ถนัดอ่านหนังสือหรืออ่านอะไรก็ตามบนยานพาหนะ นอกจากจะเป็นแหล่งความรู้ยามเช้าชั้นดีแล้ว Podcast ก็ยังสามารถเป็นการผ่อนคลายช่วงเช้าได้ด้วย ขึ้นอยู่กับหัวข้อที่เราเลือกฟังเลย
9. ออกกำลังกาย
การออกกำลังช่วงเช้าเป็นอีกหนึ่งวิธีการเริ่มต้นวันที่น่าสนใจ หลายๆ คนที่เรารู้จักบอกว่าการออกกำลังกายช่วงเช้าทำให้พวกเขารู้สึกว่าวันทั้งวันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ไม่ว่าจะเจออะไรระหว่างวันก็จะรู้สึกไม่เหนื่อย เพราะไม่มีอะไรเหนื่อยไปกว่าการออกกำลังกายช่วงเช้าแล้ว (ฮา…) ถ้าให้เทียบง่ายๆ การออกกำลังคงเปรียบเสมือนการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว เตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่นั่นเอง แต่การตื่นมาออกกำลังช่วงเช้าเป็นอะไรที่ยากมากกก เจออุปสรรคทั้งความขี้เกียจ ทั้งพลังงานที่ไม่ค่อยมีในช่วงเช้า ทั้งความเร่งรีบ ของแบบนี้ต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนกันไป มีวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เราอยากออกกำลังกายช่วงเช้าขึ้นคือการเตรียมชุดเตรียมอุปกรณ์ไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืนเลย ตอนเช้ามาก็สามารถหยิบจับทุกอย่างได้อย่างสะดวก พร้อมสำหรับการออกกำลังมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่เรานำมาเล่าสู่กันฟัง อย่างไรก็ดี เราไม่จำเป็นต้องทำตามข้อไหนสักข้อหากรู้สึกว่าเราไม่ชอบ ไม่ใช่สไตล์เรา ถ้าไม่ถนัดจริงๆ ก็อย่าไปฝืน อย่างเราเนี่ย ไม่ขอออกกำลังกายช่วงเช้าเพราะรู้สึกว่าเหนื่อยไป ชอบออกกำลังช่วงเย็นมากกว่า ดังนั้น เลือกทำสิ่งที่เราเห็นว่าน่าสนใจ สามารถปรับใช้เข้ากับชีวิตตัวเองได้ดีกว่า ใครเห็นว่าวิธีไหนน่าสนใจก็ลองดูเลย ส่วนใครมีวิธีไหนนอกเหนือจากนี้ก็แชร์กันมาได้เลยค่ะ
ไปฝึกภาษาอังกฤษ ด้วยการอ่านบทความต้นฉบับได้ที่
https://www.businessinsider.com/productivity-tips-from-successful-people-2018-7