Highlight (คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลย)
- ดอกเบี้ยขาลง ต้องโครงสร้างพื้นฐาน
- ทำไมกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานถึงน่าสนใจ
- จุดเด่นกองทุน
- ลงทุนคุ้มค่า ค่าธรรมเนียมต่ำกว่า
- Top 10 Holdings
- รายละเอียดอื่น ๆ
ช่วงประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและการลงทุนในวงกว้าง แต่ตอนนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไป เงินเฟ้อลดลง และเกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว ทำให้ปัจจุบันธนาคารกลางทั่วโลกต่างเริ่มลดดอกเบี้ยลงบ้างแล้ว
การเปลี่ยนแปลงทิศทางของดอกเบี้ยนี้จะส่งผลกับสินทรัพย์หลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) หรือสาธารณูปโภค (Utilities) ที่มีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ดอกเบี้ยทั่วโลกเข้าสู่ขาลง
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก | Source: Finnomena Funds, as of 17/09/24
ตารางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการลดลงอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก ทั้งในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets: DM) และกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets: EM) เห็นได้จากแถบสีเหลืองที่บ่งบอกถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ยูโรโซน ญี่ปุ่น หรือแถบลาตินอเมริกา
ดอกเบี้ยขาลง ต้องโครงสร้างพื้นฐาน
ผลตอบแทนของกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง | Source: Finnomena Funds, Bloomberg, as of 06/09/2024
*คำเตือน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลย้อนหลังของ S&P 500 ตั้งแต่ปี 1995 ถึง 2019 พบว่าหุ้นกลุ่ม Utilities นั้นมีความแข็งแกร่งและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดี แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความผันผวนสูง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง (Soft Landing) หรือเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง (Hard Landing) โดยเฉพาะในช่วงดอกเบี้ยขาลง
อีกหนึ่งความน่าสนใจของกลุ่ม Infrastructure คือปัจจุบันหุ้นกลุ่ม Healthcare มักจะมี P/E Ratio ที่สูง เช่น Eli Lilly สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังในการเติบโต ขณะที่หุ้นกลุ่ม Infrastructure มีการเติบโตที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ง่ายกว่า หุ้นกลุ่ม Infrastructure จึงถูกมองว่าอาจจะมีความ Defensive โดยธรรมชาติมากกว่ากลุ่ม Healthcare
เปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างกลุ่มหุ้นสาธารณูปโภค (S&P Utilities Sector) กับกลุ่มหุ้นโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก (Global Infrastructure) | Source: Finnomena Funds, as of 17/9/24
ล่าสุดกลุ่ม Utilities และ Global Infrastructure ได้ทำ New High แต่ยังคงปรับตัวขึ้นน้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ จึงอาจยังมีราคาที่น่าสนใจ และมีโอกาสเติบโตได้อีก โดยหุ้นกลุ่มนี้ถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่มีโอกาส Outperform ตลาดได้ในช่วงดอกเบี้ยขาลง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของผู้คน ทำให้ความต้องการใช้บริการสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานมีความสม่ำเสมอไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือแย่
โครงสร้างพื้นฐานคือเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจ
โครงสร้างพื้นฐาน หรือ Infrastructure เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจของสังคมหนึ่ง ๆ มันคือสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง ระบบขนส่งมวลชน หรือระบบไฟฟ้า ขณะที่สาธารณูปโภค หรือ Utilities เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเน้นการให้บริการสาธารณะโดยตรง เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า และอินเทอร์เน็ต
โครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพช่วยให้การดำเนินชีวิตของเราเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย เช่น การมีระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัยจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด การมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงช่วยให้เราสามารถทำงานและเรียนรู้ได้จากทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานที่ดียังเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
ทำไมกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานถึงน่าสนใจ
1. ความต้องการที่มั่นคงและต่อเนื่อง
โครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตประจำวันของทุกคน ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ ความต้องการใช้บริการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา ระบบขนส่ง จะยังคงมีอยู่เสมอ นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานมักมีสัญญาการให้บริการระยะยาวกับภาครัฐหรือเอกชน ทำให้มีรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนและมั่นคง
2. ความผันผวนต่ำกว่าตลาด
ผลประกอบการของบริษัทโครงสร้างพื้นฐานมักไม่ผูกติดกับวัฏจักรเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากความต้องการที่ค่อนข้างคงที่ ทำให้ราคาหุ้นมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่น ๆ อีกทั้งบริษัทโครงสร้างพื้นฐานมักมีสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เช่น โรงไฟฟ้า ท่าเรือ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้และมีมูลค่ารองรับ
3. เติบโตตามการพัฒนาของประเทศ
รัฐบาลทั่วโลกมักมีโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตของประชากร การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และความต้องการที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสเติบโตสำหรับบริษัทในกลุ่มนี้
เติบโตไปกับโครงสร้างพื้นฐานโลกด้วย KKP GINFRAEQ-H
กองทุนเปิดเคเคพี โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ อิควิตี้ เฮดจ์ ชนิดทั่วไป (KKP GINFRAEQ-H) เป็นกองทุนหุ้นต่างประเทศแบบ Feeder Fund ตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นของบริษัทโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วโลก เน้นลงทุนกองทุนรวมหลักเพียงกองทุนเดียวคือ Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
กองทุนหลักบริหารจัดการโดย Lazard Asset Management Pacific Co. ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมากประสบการณ์ด้าน Global Infrastructure โดยเฉพาะ อีกทั้งยังเป็นบริษัทแรก ๆ ที่ริเริ่มลงทุนในหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากที่สุดในการลงทุนประเภทกองทุนหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน
โดยกองทุนหลักจะลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Infrastructure Companies) ที่มีมูลค่าตลาดขั้นต่ำ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,300 ล้านบาท)
และเน้นลงทุนในกลุ่ม Preferred Infrastructure ที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ ซึ่งจะต้องมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน รายได้มั่นคง มีความสามารถในการทำกำไร มีลักษณะผูกขาด รายได้มีการปรับขึ้นตามเงินเฟ้อ และมีความผันผวนต่ำ
ทั้งนี้ แม้จะลงทุนเพียง 25-50 บริษัท แต่ก็กระจายไปยังหลากหลายอุตสาหกรรม หลากหลายประเทศ และยังเลือกลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งด้านเศรษฐกิจรวมถึงระบบกฎหมายอีกด้วย
จุดเด่นกองทุนหลัก
ผลการดำเนินงานกองทุนหลัก | Source: Lazard Asset Management, as of 17/9/24
*คำเตือน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
จากข้อมูลผลการดำเนินงานที่ผ่านมา กองทุน Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund แสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนในอดีตที่น่าสนใจและความเสี่ยงที่ควบคุมได้ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับดัชนี MSCI World Core Infrastructure ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ติดตามและวัดผลการดำเนินงานของบริษัทขนาดใหญ่และขนาดกลางใน 23 ประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก ที่มีธุรกิจหลักเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน พบว่ากองทุนหลักมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ใกล้เคียง Benchmark และบางช่วงก็ดีกว่า เช่น ในปี 2015, 2017, 2018, 2020, 2022 และ 2023
หากพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี พบว่ากองทุนหลักมีโอกาสให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 6.7% ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับความผันผวนของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนสูงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
จุดเด่นกองทุนไทย KKP GINFRAEQ-H
ผลการดำเนินงานกองทุน KKP GINFRAEQ-H | Source: Finnomena Funds, as of 11/10/24
เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานของกองทุน KKP GINFRAEQ-H พบว่าโดดเด่นทั้งในแง่ของ Sharpe Ratio ที่สูง และ Maximum Drawdown ที่ต่ำ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการรักษามูลค่าได้ดี แม้ในช่วงตลาดผันผวน
Sharpe Ratio ระยะ 1 ปี อยู่ที่ 0.99 หมายความว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา กองทุนนี้มีโอกาสให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับความเสี่ยง ซึ่งค่า 0.99 ถือว่าสูงมาก แสดงว่ากองทุนนี้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยที่ความเสี่ยงไม่สูงเกินไป
เมื่อพิจารณาในช่วง 3 ปี (คิดเฉลี่ยต่อปี) แม้ว่า Sharpe Ratio จะลดลงมาอยู่ที่ 0.34 แต่ก็ยังถือว่าเป็นค่าที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แสดงว่าโดยเฉลี่ยแล้วในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กองทุนนี้ยังคงมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ต้องเผชิญ
อีกทั้งกองทุนยังมีความมั่นคงสูง โดยมีค่า Maximum Drawdown ในระยะ 1 ปี เพียง -5.41% และในระยะ 3 ปี อยู่ที่ -14.39% สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการรักษามูลค่าได้ดี
โชว์ฟอร์มเหนือกว่า Benchmark อย่างต่อเนื่อง
ผลตอบแทนสะสมกองทุน KKP GINFRAEQ-H | Source: KKP Factsheet, as of 30/8/24
*คำเตือน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
จากกราฟผลตอบแทนสะสม พบว่ากองทุน KKP GINFRAEQ-H สามารถสร้างผลตอบแทนในอดีตที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง โดยทำผลงานได้สูงกว่า Benchmark ได้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ลงทุนคุ้มค่า ค่าธรรมเนียมต่ำกว่า
เมื่อเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของกองทุน KKP GINFRAEQ-H กับกองทุนที่ไปลงทุนในกองหลักเดียวกัน (Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund) อย่าง PRINCIPAL GIF และ ES-GINFRA พบว่า KKP GINFRAEQ-H มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าเล็กน้อย ทำให้ได้เปรียบในแง่ของต้นทุนและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสุทธิที่สูงขึ้น
ค่าธรรมเนียมของ PRINCIPAL GIF
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.6049% ต่อปี
- ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.5%
- ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ปัจจุบันยกเว้น
- ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเข้า (Switching-in) 1.5%
- ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออก (Switching-out) ปัจจุบันยกเว้น
ค่าธรรมเนียมของ ES-GINFRA
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.6050
- ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.5%
- ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ปัจจุบันยกเว้น
- ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเข้า (Switching-in) 1.5%
- ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออก (Switching-out) ปัจจุบันยกเว้น
ด้วยค่าธรรมเนียมที่แข่งขันได้ KKP GINFRAEQ-H จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดต้นทุนค่าธรรมเนียม
KKP GINFRAEQ-H เหมาะกับใคร
- ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง และมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาว
- ผู้ลงทุนที่ต้องการเสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตการลงทุน
- ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน
- ผู้ลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง
Top 10 Holdings กองทุนหลัก
*ข้อมูล ณ วันที่ 31/8/2024 สัดส่วนอาจมีการเปลี่ยนแปลง
Top 10 Holdings ของกองทุนหลัก Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund | Source: Lazard Asset Management, as of 31/8/2024
- National Grid (9.4%) บริษัทด้านพลังงานรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ดำเนินธุรกิจด้านการส่งและจำหน่ายไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ
- Ferrovial (8.3%) บริษัทสัญชาติสเปนที่ดำเนินธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างถนน ทางหลวง และสนามบิน
- VINCI (7.8%) กลุ่มบริษัทข้ามชาติของฝรั่งเศสที่ดำเนินธุรกิจในหลากหลายสาขา เช่น โครงสร้างพื้นฐาน การก่อสร้าง การขนส่ง และพลังงาน
- Norfolk Southern (7.2%) บริษัทขนส่งทางรถไฟรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ให้บริการขนส่งสินค้าหลากหลายประเภท เช่น ถ่านหิน สินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม
- Snam (6.4%) บริษัทพลังงานของอิตาลี ดำเนินธุรกิจด้านการขนส่งและการจัดเก็บก๊าซธรรมชาติ
- United Utilities (4.7%) บริษัทสาธารณูปโภคของสหราชอาณาจักร ให้บริการน้ำประปา และการบำบัดน้ำเสีย
- Terna (4.7%) บริษัทพลังงานของอิตาลี ดำเนินธุรกิจด้านการส่งและจำหน่ายไฟฟ้า
- Severn Trent (4.6%) บริษัทสาธารณูปโภคของสหราชอาณาจักร ให้บริการน้ำประปา และการบำบัดน้ำเสีย
- Exelon (4.5%) บริษัทผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ และพลังงานหมุนเวียน
- CSX (4.4%) บริษัทขนส่งทางรถไฟรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ให้บริการขนส่งสินค้าหลากหลายประเภท เช่น ถ่านหิน สินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม
สรุป
ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มลดลง หุ้นกลุ่มกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) และสาธารณูปโภค (Utilities) มักมีผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงดอกเบี้ยขาลง เนื่องจากมีรายได้ที่มั่นคงและสามารถปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อได้
การลงทุนในกองทุน KKP GINFRAEQ-H จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากลงทุนในกองทุนหลัก Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund ที่มีการกระจายการลงทุนไปใน 25 – 50 บริษัทชั้นนำด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก และอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม
โดยกองทุน KKP GINFRAEQ-H มีจุดเด่นที่น่าสนใจคือ ผลการดำเนินงานในอดีตที่โดดเด่นทั้งในแง่ของ Sharpe Ratio ที่สูงและ Maximum Drawdown ที่ต่ำ นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับกองทุนอื่นที่ลงทุนในกองหลักเดียวกัน
รายละเอียดอื่น ๆ ของ KKP GINFRAEQ-H
- ความเสี่ยงระดับ 6 (กองทุนรวมหุ้น ที่เน้นลงทุนในหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ)
- นโยบายการจ่ายเงินปันผล: ไม่จ่ายปันผล
- ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน: ไม่น้อยกว่า 90%
- มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee): 1%
- ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee): ปัจจุบันยกเว้น
- ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเข้า (Switching-in): 1%
- ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออก (Switching-out): ปัจจุบันยกเว้น
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee): 1.07% ต่อปี
FundTalk Contrarian Call แนะนำซื้อกองทุน KKP GINFRAEQ-H ที่ลงทุนใน Global Infrastructure ซึ่งมีรายได้มั่นคงปรับขึ้นตามเงินเฟ้อ และเน้นเพียง 25-50 บริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไร โดยเป็น Sector ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงเวลาแห่งการลดดอกเบี้ย
อ่านมุมมองการลงทุนที่ Opportunity Hub
อ้างอิง: KKP GINFRAEQ-H’s Factsheet, Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund’s Factsheet, Finnomena Funds, ES-GINFRA’s Factsheet, PRINCIPAL GIF’s Factsheet
คำเตือน: ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”