Fed เริ่มมีทีท่าในการดำเนินนโยบายผ่อนคลายมากขึ้น ตามตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ดูชะลอตัวลง อันส่งผลบวกต่อตราสารหนี้ระยะยาวและสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นเติบโต (ผลงานปีนี้ underperform หุ้นกลุ่ม Value มาโดยตลอด) รวมทั้ง Dollar Index เริ่มแสดงทิศทางอ่อนค่าในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่พรรคคอมมิวนิสต์ยังอยู่ในอำนาจคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการบูรณาการและมีส่วนร่วมในข้อตกลงเศรษฐกิจโลก ทั้งการเข้าร่วมข้อตกลงทางการค้า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการค้าระหว่างประเทศ ในช่วงที่ผ่านมาเวียดนามมีการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และลดดอกเบี้ยนโยบายและลดภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมาโดยตลอด
ทั้งนี้ถือเป็นโอกาสลงทุนของบริษัทข้ามชาติหลายแห่งที่ต่างก็จับจ้องมาที่เวียดนามจากข้อดีหลายด้านดังที่เราทราบกัน ประเด็นสำคัญคือเรื่องของ “การยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตและความร่วมมือในระดับสูงสุดของเวียดนามและสหรัฐ” (Comprehensive Strategic Partnership) ขึ้นมาเทียบเท่ากับรัสเซียและจีน
สำหรับสหรัฐฯ นั้น ความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้เวียดนามเป็นประเทศที่ถ่วงดุลทางภูมิรัฐศาสตร์กับจีน และช่วยให้บริษัทข้ามชาติของตนสามารถเข้าถึงต้นทางการผลิตทั้งนโยบายสนับสนุน แรงงานที่มีทักษะ และค่าแรงที่อยู่ในระดับต่ำ และเวียดนามเองก็ยังได้กระจายห่วงโซ่อุปทานของตนนอกเหนือจากประเทศจีนอีกด้วย
Source: CLSA, JETRO, Vinacapital, Julius Bear as of 20/11/2023
สิ่งสำคัญในข้อตกลงครั้งนี้คือ การสนับสนุนต่อยอดความร่วมมือทางเทคโนโลยีเพื่อขยายห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ แรงงาน และโครงสร้างพื้นฐานในเวียดนาม ซึ่งจะเป็นการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำเป็นอย่างมากสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในระยะยาว รวมถึงการสร้างงานและพัฒนาทักษะแรงงานและบริษัทท้องถิ่น อย่างเช่นทุกวันนี้ที่กว่า 50% ของ Samsung smartphone และกว่า 45% ของ Airpods นั้นมีการผลิตในเวียดนาม และในอนาคตทั้ง Macbook และ Apple Watch ก็มีแผนจะเข้าไลน์การผลิตที่นี่ในอีก 2 ปีข้างหน้าอีกด้วย
ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงจากการเลื่อนร่างกฎหมายที่ดินที่ได้ยื่นต่อรัฐสภา ยังไม่ได้รับการอนุมัติและจะถูกยืดเวลาในการพิจารณาไปอีกทีในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2024 ซึ่งจะทำให้ภาคอสังหาฯ และการปล่อยสินเชื่อภาคธนาคารชะลอออกไป
Source: Bloomberg, Julius Bear as of 20/11/2023
อย่างไรก็ตาม เราเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามด้วยมุมมองระยะยาวเชิงบวก ซึ่งคาดว่าดัชนี VNINDEX ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ปัจจุบันมี forward P/E 9.3 เท่า ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ระดับ 12.2 เท่า
ดังนั้น QGO จะมีการปรับพอร์ตรอบนี้โดยสับเปลี่ยนกองทุนตลาดเงินที่มีอยู่ 20% (ASP-DPLUS) เข้าไปยัง PRINCIPAL VNEQ-A ทำให้สัดส่วนของพอร์ตการลงทุนปัจจุบัน จะเป็นดังนี้
QGO: Quantum Global Opportunities (Rebalancing as of 20/11/2023)
ปั้นพอร์ตเติบโตอย่างมั่นคง พร้อมเฟ้นหาโอกาสในทุกช่วงเวลา Quantum Global Opportunity
👉 ลงทะเบียน คลิก >>> https://finno.me/quantum-wealth-ws
บทความโดย Quantum Wealth สำหรับพอร์ต Quantum Global Opportunity (QGO) ที่ FINNOMENA FUNDS เท่านั้น
ข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2023
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนไม่ใช่การฝากเงิน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทําให้ผู้ลงทุน ขาดทุนหรือได้รับกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ | บางกองทุนลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299