ประเด็นแรก : Inverted Yield Curve กลับมาหลอนอีกครั้ง
- ผลจากการประชุม FOMC และความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐดำดิ่งลงรุนแรงกว่าระยะสั้น
- เพิ่งจะเตือนนักลงทุนในงานบรรยายเมื่อ 22 มี.ค. (ก่อนตลาดหุ้นสหรับดิ่งลงแรง) ของผมที่ร่วมกับ RHB อยู่หยกๆว่าให้ระวังเรื่อง ส่วนต่างระหว่าง US 10Y Bond Yield และ US 2Y Bond Yield ล่าสุดอยู่ที่ 0.06% ต่ำสุดในรอบ 11 ปี และใกล้ที่จะต่ำกว่า 0% แล้ว
- ตามสถิติเมื่อ US 10Y – 2Y ต่ำกว่า 0 มักจะตามมาด้วยสภาวะเศรษฐกิจถดถอย (GDP ติดลบต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 ไตรมาส (QoQ) หรือติดลบ YoY 3 ไตรมาสติด) ที่ตลาดกลัวเพราะมันแม่นยำใน 2 ครั้งที่ผ่านมา ทั้งวิกฤติดอทคอม ช่วงปี 2001-2002 และ วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ 2008
- อย่างไรก็ตาม การส่งสัญญาณยุติขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ รวมไปถึงโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง อาจทำให้สถานการณ์ Inverted Yield Curve ดีขึ้น คาด ส่วนต่างระหว่าง US 10Y – 2Y จะไม่ต่ำกว่า 0 นานและมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นในระยะถัดไป
- สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นสหรัฐอาจมีการฟื้นตัว หลัง วิลเลียม บาร์ รมต ก.ยุติธรรมสหรัฐ ได้แจ้งต่อสภาคองเกรสว่า ผลการสอบสวนของ โรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษของสหรัฐ ไม่พบหลักฐานทีมหาเสียงของ ปธน.ทรัมป์ ร่วมมือกับรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง เป็นอันสิ้นสุดการสอบสวนที่ใช้เวลานานกว่า 2 ปี
- การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน คืบหน้าต่อ วันที่ 28 มี.ค. นี้ โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) และสตีเฟน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ จะเดินทางไปปักกิ่ง ก่อนที่ หลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนจะมาเจรจาที่สหรัฐในวันที่ 3 เม.ย.
ประเด็นที่สอง : การเมือง เรื่องของผลประโยชน์
- ผลการเลือกตั้งอ้างอิงจาก ไทยรัฐ ล่าสุดค้างอยู่ที่ พท. 130 คน พปชร 119 คน อนาคตใหม่ 74 คน ภท 49 คน และ ปชป 48 คน
- รวมคะแนนทั่วประเทศ พปชร 7.7 ล้านเสียง พท 7.2 ล้านเสียง
- คะแนนยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลง ต้องรอ กกต. แถลงผลอย่างไม่เป็นทางการ 95% อีกครั้งในเวลา 10.00 น.
- ทั้งนี้จำนวน สส. ของ พท และ พปชร ยังคู่คี่ สูสี โดย กกต. จะมีเวลา 45 วันหลังการเลือกตั้งในการรับรองผลอย่างเป็นทางการ ซึ่งในระหว่างนั้นอาจมีการร้องเรียน การให้ใบดำ ใบแดง เลือกตั้งใหม่บางเขต ทำให้ คะแนนยังมีโอกาสพลิกได้
เท่าที่คะแนนปรากฎตอนนี้ จะวิเคราะห์ได้ว่า…
- คำถามแรก ใครจะมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล วินาทีนี้ พท มี สส มากกว่า แต่ พปชร ได้คะแนนทั่วประเทศมากกว่า มาแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจหาก พปชร จะบอกว่า คนส่วนใหญ่ในประเทศต้องการให้ ลุง เป็นนายกฯ และมีความชอบธรรมมากพอที่ สว. จะลงคะแนนเลือก ลุง
- การเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่น่ามีปัญหา พปชร 119 คน หาเพิ่มจากพรรคเล็กอื่นๆอีก 7 คน เมื่อรวมกับ สว. 250 คน ก็เกิน 376 เสียง
- พท. จะรวมเสียงสู้ไหม คิดได้ รวมได้ แต่ไม่ง่าย เอาแค่ขั้นแรกคือเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องรวมเสียงให้ได้ 376 เสียง จากทุกพรรค อืม ไปสอบ GAT PAT ให้ได้คะแนนเต็มทุกวิชาดูจะง่ายกว่า หรือต่อให้รวมได้ แต่การจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนั้น ภาพรัฐบาลผสมคงเละน่าดู
- เมื่อเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ก็จัดตั้งรัฐบาลได้ เชื่อว่า พรรคที่ต้องการร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว จะมารวมเสียงกันจนเกิน 251 เสียง ทีนี้ก็อยู่ที่ว่า จะผสมกันให้ลงตัวหรือให้มีจำนวนมากแค่ไหน ต้องติดตามกันอีกที
คำถามชวนคิด
คุณคิดว่า พรรคขนาดกลางถึงเล็ก เค้าจะเลือกทางไหน จะเลือกไปอยู่ฝั่งจัดตั้งรัฐบาลด้วยความยากลำบาก หรือจะเลือกทางสะดวกโล่งโปร่งสบาย อย่าลืมว่า การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์
แม้ตลาดจะรู้อยู่แล้วว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ที่ตลาดไม่ได้มองไว้คือ คะแนนของ พปชร ทั้งจำนวน สส และคะแนนทั่วประเทศที่มากแบบนี้ มันทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ตลาดมีความกังวลควาไม่มีเสถียรภาพค่อนข้างสูง
SET Index ถูกกดดันจากตลาดต่างประเทศ แต่เชื่อว่าจะลงไม่เยอะ
- กลุ่มหุ้นที่จะได้ประโยชน์หลังการเลือกตั้งคือ กลุ่มเก็งมาตรการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ค้าปลีก CPALL GLOBAL ROBINS กลุ่มรับเหมา (ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำอีกนานกว่าจะขึ้นได้ตามที่หาเสียง) STEC CK นิคม AMATA WHA ธนาคาร BBL TISCO
- Global Play ปิโตรเลียมอิงกับการดีดตัวของราคาน้ำมัน PTTEP โรงกลั่น TOP
เขียนโดย ประกิต สิริวัฒนเกตุ
นักกลยุทธ์การลงทุน
แท็ก: