พรรคไหนจะมา? ดูความเป็นไปได้จากผลการวิเคราะห์จำนวน ส.ส. ระบบเขต แต่สุดท้ายอย่าลืมว่าทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของคุณ
ขออ้างอิงจากการสำรวจและวิเคราะห์ของไทยรัฐทีวี 3 ครั้ง (ตามรูปด้านล่าง)
จากผลการวิเคราะห์จำนวน ส.ส. ระบบเขต 350 เขตของไทยรัฐ เมื่อต้องการคิดคำนวณต่อว่าแล้วแต่ละพรรคจะได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อเท่าไหร่ ผมขอเริ่มจากการประเมินว่าจะมีผู้ออกไปใช้สิทธ์ 80% จากผู้มีสิทธิ์ในปี 2562 51.4 ล้านคน คิดเป็น 41.1 ล้านเสียง
สมมติว่าไม่มีบัตรเสีย หรือมีน้อยอย่างไม่มีนัยสำคัญ
41.1 ล้านเสียง หารด้วย ส.ส. ทั้งหมด (500 ที่) จะได้ 8.2 หมื่นคนต่อ ส.ส. 1 คน มีเขตให้เลือก 350 เขต แปลว่า เฉลี่ยมีคนไปเลือก 1.17 แสนคนต่อเขต คนที่ชนะ ก็น่าจะได้คะแนนตั้งแต่ 45-55% หรือ 5.2-6.4 หมื่นต่อเขต ผมขอใช้ประมาณ 5.5 หมื่นต่อเขต
จากรูปของไทยรัฐทีวี ไล่จาก พท. ก่อน
ได้ไป 146 เขต แปลว่าไม่ได้ 104 เขต (พท ส่ง ส.ส. 250 เขต จาก 350 เขต)
สมมติเราให้ค่าเฉลี่ยเขตที่ พท. ได้ จะได้ 55,000 เสียงต่อเขต ส่วนเขตที่ไม่ได้จะได้ 25,000 เสียงต่อเขต
พท. ของเดิมได้คะแนนรวมทั้งประเทศ 15 ล้านเสียง แต่รอบนี้อาจได้แค่ 10.1 ล้าน (55,000 คูณ 146 และ 25,000 คูณเขตที่ไม่ได้อีก 104 เขต)
สาเหตุหลักที่ได้คะแนนรวมน้อยกว่าเดิม เพราะส่ง ส.ส. ลงจำนวนเขตเพียง 250 เขต ขณะที่ ส.ส. ที่พึงได้ ต้องประมาณ 8.2 หมื่นคนต่อ 1 เสียง
พท จะได้ ส.ส. ที่พึงได้ 129 คนต่ำกว่า ส.ส. เขตที่ได้ 146 คน ดังนั้น พท อาจไม่ได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อเลย สรุปได้แค่ 146 คน
พท ได้เกินมาจากที่พึงได้ 17 คน ก็ต้องไปหักจาก ส.ส. บัญชีรายชื่อทั้งหมด 150 คน เหลือ 133 คนให้แต่ละพรรค ไปแบ่งกัน
ต่อมาเป็น ปชป.
จากรูปของไทยรัฐทีวี ปชป. ได้ 90 เขต ไม่ได้ 251 เขต (ปชป. ส่ง ส.ส. ลงสมัคร 341 เขต)
สมมติเขตที่ได้ ปชป. จะได้คะแนนเฉลี่ย 55,000 เสียงต่อเขต ส่วนเขตที่ไม่ได้สมมติที่ 20,000 เสียงต่อเขต (ตัวเลจคาดเดาสุดๆ)
เขตที่ได้คูณ 55,000 ไม่ได้คูณ 20,000 ปชป. อาจได้คะแนนรวมทั้งประเทศ 9.9 ล้านเสียง ซึ่งจะทำให้ ปชป. ได้ ส.ส. ที่พึงได้ถึง 121.6 คน แปลว่า ได้ บัญชีรายชื่อมาเป็น 32 คน (ทศนิยมสูงจะมีโอกาสได้เพิ่มอีก 1)
32 คน ต้องได้มาจาก 150 แต่เนื่องจากมันเหลือแค่ 133 คน (เพราะต้องหักไปให้ พท. ที่ได้ ส.ส. เขต มากกว่าที่พึงได้) จึงทำให้ ปชป. อาจเหลือเพียง 28 คน
สรุป ปชป. อาจได้รวม 118 คน
ต่อมาเป็น พปชร
จากรูปไทยรัฐทีวี พปชร. ได้เขต 62 คน สมมติเขตที่ชนะจะได้คะแนนเฉลี่ย 55,000 เสียงต่อเขต เขตที่แพ้ได้ 15,000 เสียงต่อเขต (คาดเดาสุดๆ) เท่ากับจะได้คะแนนรวม (55,000 คูณ 62 และ 15,000 คูณเขตที่ไม่ได้ 273) ได้คะแนนรวม 7.5 ล้าน
ได้ ส.ส. ที่พึงได้ ประมาณ 91 คน ดังนั้นได้บัญชีรายชื่อ 29 คน แต่ต้องเอามาคิดใหม่จากที่ถูกหักไปให้ พท. จะได้ 25 คน
สรุป พปชร. น่าจะได้ 87 คน
มาดูพรรคขนาดกลาง
ภท. จากรูปไทยรัฐทีวีได้ 31 คน (ภท. ส่งผู้สมัคร ส.ส. เขต 325 คน)
สมมติเขตที่ชนะได้เฉลี่ย 50,000 เสียงต่อเขต เขตที่แพ้ได้ 10,000 เสียงต่อเขต
50,000 คูณ 31 บวกกับ 10,000 คูณ 294 ได้ทั้งหมด 4.49 ล้านเสียง
ภท. จะได้ ส.ส. ที่พึงได้ 54.75 คน (ทศนิยมสูงจะมีโอกาสถูกปัดขึ้น) หรือ 55 คน เป็นเขต 31 คนและบัญชีรายชื่อ 24 คนแต่บัญชีรายชื่อเอามาคิดใหม่จากฐาน ส.ส. บัญชีรายชื่อที่เปลี่ยนไป จะทำให้เหลือ 21 คนคน
สรุป ภท. ได้ ส.ส. เขต 31 คน และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 21 คน
มาที่พรรคน้องใหม่ไฟแรง อนาคตใหม่
อนาคตใหม่ ผมคิดว่า จะได้จากคนรุ่นใหม่เยอะมากๆ ของเดิมมีผู้มีสิทธิ์ 46.9 ล้านคน ปีนี้เพิ่มเป็น 51.4 แปลว่า มีเพิ่ม 4.5 ล้านคน ถ้ามีคนมาใช้สิทธิ์ 80% แปลว่าคะแนนจากคนรุ่นใหม่ จะมี 3.6 ล้านคน
สอดคล้องกับที่ สมมติว่าอนาคตน่าจะได้ในแต่ล่ะเขต 10,000 เสียงต่อเขต อนาคตใหม่ส่งผู้สมัคร 330 คน ก็น่าจะได้คะแนนราว 3.3-3.6 ล้าน ตีให้ 3.45 ล้านไปเลย เท่ากับได้ ส.ส. ที่พึงได้ 40 คน เป็น บัญชีรายชื่อทั้งหมด
แต่เอามาคิดใหม่จากที่ พท. หักไป ก็จะได้ประมาณ 35 คน
ทีนี้มาคิดกันต่อว่าจะจัดตั้งรัฐบาลกันยังไง
ตอนนี้เลยแบ่งได้เป็น 3 ขั้วใหญ่ๆ
พท. + อนาคตใหม่ 146+35 = 181 คน
ปชป. = 118 คน
พปชร. = 87 คน
จากข้างต้นถ้า 2 ใน 3 ไม่รวมกัน ก็เลือกนายกไม่ได้แน่ๆ เนื่องจาก พรรคขนาดกลาง ภท. มี 52 เสียง บวกกับพรรคอื่นอีก 62 เสียง เป็น 114 เสียง
แม้จะเอามารวมกับ พท. บวกกับ อนาคตใหม่ จะได้ 295 คน ก็ไม่พอที่จะเลือกกนายกรัฐมนตรีซึ่งต้องได้ 376 เสียงขึ้นไป (ครึ่งหนึ่งของ 2 สภา 500 สส และ 250 สว)
และคงไม่ต้องพูดถึง ปชป. หรือ พปชร. หากไม่จับมือกัน พรรคตัวแปรอย่าง ภท. หรือพรรคกลางถึงเล็กอื่นๆ ก็คงไม่มาร่วมด้วย
แม้บางพรรค อาจได้เสียง 250 เสียงจาก ส.ว. แต่เมื่อมารวมกับเสียงของตัวเอง มันก็แค่เกือบถึง 340 เสียง ไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้อยู่ดี หรือต่อให้ดึงดันไปเอาเสียงจากพรรคขนาดเล็กอื่นๆ (มีประปรายอีก 62 เสียง) ก็จะเป็นรัฐบาลผสมที่มีเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทน มันก็บริหารประเทศได้ยาก
ถ้าเลือกนายกไม่ได้ รัฐบาลปัจจุบันก็อยู่ยาว ความเชื่อมั่น ทั้งจากในและต่างประเทศ ไม่ต้องพูดถึง จะเหลือเหรอ
อย่างไรก็ตาม ที่เขียนๆ มา มันมีที่มาจากโพลตามรูป ทุกสิ่งยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากพรรคใดพรรคหนึ่ง พท. ปชป. หรือ พปชร. ได้คะแนนมากเกินคาดหมายแบบสุดๆ
มองอย่างเป็นกลาง ทุกอย่างมันอยู่ที่ประชาชนในประเทศว่าจะเลือกอย่างไร
คุณจะเลือกที่อดีตมีการบริหารและมีนโยบายถูกใจคนส่วนใหญ่เมื่อ 14-19 ปีที่แล้ว ก่อนจะบานปลาย เปลี่ยนแปลง กลายเป็นนโยบายมหาประชานิยมที่สร้างปัญหาตามมามากมาย รวมไปถึงการบริหารประเทศแบบไร้สติ การตอบแทนกลุ่มผู้สนับสนุน จนนำไปสู่การทุจริตเป็นที่แพร่หลาย
คุณจะเลือกพรรค ที่รู้ๆ กันอยู่ว่าแปลงโฉมมาจากรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ซึ่งที่ผ่านมาก็ถูกแบนจากนานาชาติในหลายๆ เรื่อง จริงอยู่ว่าสามารถผลักดันโครงการขนาดใหญ่ได้หลายโครงการ รวมไปถึง EEC แต่การเกื้อหนุนกลุ่มทุนผูกขาด กอปรกับการแก้ปัญหาที่ผิดพลาด จนทำให้ SME สภาพฝืดเคือง อุตสาหกรรมประมงในประเทศมืดบอด สินค้าเกษตรตกต่ำ เศรษฐกิจครึ่งล่างของประเทศตกต่ำอย่างถึงที่สุด และที่รับไม่ได้จริงๆ คือ การหาเสียง ด้วยอภิมหาประชานิยม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เคยตำหนิคนอื่นว่ามันเป็นหายนะสำหรับประเทศ
คุณจะเลือกพรรคเก่าแก่ ถนัดการประคองตัว คาดหวังอะไรไม่ได้ ผลงานชิ้นใหญ่ไม่เห็นเป็นที่ประจักษ์ แต่ประวัติการบริหารประเทศที่ผ่านๆ มา ก็ต้องยอมรับว่า การประคองตัว มันไม่ได้สร้างปัญหาตามมาทีหลังมากนัก
หรือคุณจะเลือกพรรคที่มีเป้าหมาย เปลี่ยนโครงสร้างของประเทศ ขึ้นอยู่กับว่า วันนี้คุณยอมรับการเปลี่ยนแปลงหรือยัง และคุณจะยอมรับผลของการเริ่มเปลี่ยนแปลงในช่วงแรกได้หรือไม่
คุณจะเลือกอะไร ก็อยู่ที่ตัวคุณ
ป.ล. วันที่ 17 มี.ค. 2562 มีคนมาเลือกตั้งนอกเขต คนเยอะมากๆ นี่คือการตื่นตัวของประชาชน เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีคนใช้สิทธิ์มากเป็นประวัติการณ์และผลการเลือกตั้งจะสะท้อนเสียงความไม่พอใจของประชาชนได้
ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/prakitsiriwattanaket/photos/a.1516796161882991/2412243029004962/