เมื่อ 21 ก.ค. ดัชนี NYFANG Index ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้น Advanced Micro Devices (AMD) Alphabet (GOOGL) Amazon (AMZN) Apple (AAPL) Meta Platform (META) Microsoft (MSFT) Netflix (NFLX) NVIDIA (NVDA) Snowflake (SNOW) Tesla (TSLA) ปรับลงต่อเนื่องอีก -0.97% 5 เป็นการลง 2 วันติดต่อกัน -5.52% ถือเป็นการปรับลดลงที่รุนแรงที่สุดในรอบ 7 เดือน
การปรับฐานของ NYFANG Index มีสาเหตุใหญ่มาจากการ Take Profit หรือขายทำกำไร ก่อนที่จะถึงช่วงการประกาศงบของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีในช่วง 24-31 ก.ค. นี้ โดยมีการกระตุ้นจากการ Sell on Fact ของ Tesla แม้จะประกาศงบดีกว่าคาด แต่อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง รวมไปถึงแผนการลดกำลังการผลิตในครึ่งปีหลัง ได้ทำให้ราคาหุ้นของ Tesla ปรับลงมาตั้งแต่วันประกาศงบ 3 วันติดต่อกันรวม -11.36%
ตั้งแต่ต้นปี NYFANG Index ปรับพุ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรง 74.31% การปรับฐาน -5.52% ถือเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้น แม้ว่าดัชนียังมีพื้นที่ในการปรับฐานอีกลึกพอสมควร แต่ด้วยกระแส AI Boom และการหยุดขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ทำให้ยังมีความเป็นไปได้สูงที่ NYFANG Index และหุ้นเทคโนโลยี จะดีดตัวจากการปรับฐานขึ้นมาได้อีกครั้ง
เพราะฉะนั้นการปรับฐานในรอบนี้คือโอกาสในการเข้าเก็บหุ้นเทคโนโลยีกันอีกครั้ง ประเมินแนวรับสำคัญแรกสำหรับ NYFANG Index คือ 7,407 จุด หรือมีพื้นที่ลงจากระดับปัจจุบันอีก -4.45% ที่ระดับนี้ดัชนีมีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นเพื่อมาทดสอบ 8,000 จุดอีกครั้ง
จาก 7,407 จุดจนถึง 8,000 จุด จะเป็นพื้นที่ในการทำกำไรระยะสั้น
การเก็งกำไรระยะสั้นสำหรับหุ้นต่างประเทศได้ง่ายที่สุดตอนนี้คือ ดูเหมือนว่า DR (Depositary Receipt) ดูจะเป็นคำตอบที่ดีกว่าทางเลือกอื่น ๆ
นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหุ้นต่างประเทศได้ง่าย ๆ ด้วยการส่งคำสั่งซื้อขาย DR หุ้นต่างประเทศผ่านโปรแกรมเทรด Streaming โดยหากนักลงทุนมีบัญชีหุ้นอยู่แล้วก็สามารถเทรด DR ได้ทันที อย่างไรก็ตาม DR มีข้อจำกัดที่เวลาในการซื้อขายจะอิงตามเวลาของกระดานหุ้นไทย (ประมาณ 9.30 – 17.00 น.) ซึ่งครอบคลุมเวลาของตลาดบางประเทศในโลกเท่านั้น แต่หากนักลงทุนต้องการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ก็สามารถที่จะเลือกลงทุนผ่าน DRx (Fractional Depositary Receipt) ได้เช่นกัน โดยเปิดให้ซื้อขายอิงเวลา US Time Zone (20.00-04.00 น.)
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อขาย DRx ต้องแจ้งความประสงค์กับโบรกเกอร์เพื่อซื้อขาย DRx เพิ่มเติม (ในขณะที่ DR ซื้อได้เลย) หรือนักลงทุนสามารถที่จะเข้าไปเปิดบัญชี DRx ด้วยตนเองผ่านการใช้ Streaming App. เลือก my Menu แล้ว กด DRx เพื่อเปิดบัญชีได้เลย ทั้งนี้จะต้องเป็นบัญชี cash balance (pre-paid) เท่านั้น พูดง่าย ๆ คือ เปิดบัญชี DRx ใส่เงินเข้าไป เมื่อถึงเวลาอยากทำการซื้อขายนักลงทุนสามารถเข้ามาใน Streaming App. ในส่วน DRx เพื่อทำการส่งคำสั่งซื้อขายได้เลย
ข้อดีของ DRx ที่ต่างจากการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศ คือความคล่องตัว นักลงทุนสามารถคีย์คำสั่งซื้อขาย DRx ผ่าน Streaming App. ได้ด้วยตัวเองแต่หากเป็นการซื้อขายผ่านบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศจะต้องรอส่งในช่วงเวลาทำการของบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้เปิดบัญชีให้นักลงทุน อีกทั้งยังต้องมีการแลกเงินเป็นสกุลต่างประเทศไว้ก่อนล่วงหน้า ทำให้เกิดความล่าช้าและไม่ทันกาลได้ นอกจากนี้ ยังสามารถลงทุนใน DRx เป็น “เศษหุ้น” ที่ 0.0001 หน่วย ซึ่งต่างจากการซื้อขายผ่านบัญชีต่างประเทศที่ต้องซื้อเต็มจำนวนทำให้ต้องใช้เงินลงทุนขั้นต่ำค่อนข้างมากเพราะราคาหุ้นต่อตัวสูงมาก
ปัจจุบัน DRx ที่ออกโดยธนาคารกรุงไทยนั้นได้รับการยอมรับว่ามีความหลากหลายและมีสภาพคล่องที่มากที่สุด ทำให้ DRx เหมาะสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น (เช่น การรอรับในจังหวะการปรับฐานของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐครั้งนี้) และเพื่อการลงทุนระยะยาว เพราะ DRx ให้ปันผลกับนักลงทุนเสมือนกับการลงทุนในหุ้นตามปกติด้วย DRx ของธนาคารกรุงไทยจึงถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนในหลาย ๆ ด้าน
โดยธนาคารกรุงไทยได้เสนอขาย DRx ที่อ้างอิงหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐทั้ง
- Apple Inc (AAPL) ในชื่อรหัสหลักทรัพย์ AAPL80X
- Microsoft Corp (MSFT) ในชื่อรหัสหลักทรัพย์ MSFT80X
- Alphabet (GOOG) ในชื่อรหัสหลักทรัพย์ GOOG80X
- NVIDIA (NVDA) ในชื่อรหัสหลักทรัพย์ NVDA80X
- Tesla (TSLA) ในชื่อรหัสหลักทรัพย์ TSLA80X
อย่าปล่อยให้โอกาสลงทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐรอบนี้ลอยนวล
ประกิต สิริวัฒนเกตุ
กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด