Soundcloud : https://soundcloud.com/finnomena/ep-27-the-market-podcast

THE MARKET PODCAST – EP 27 : ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงหนัก ถอยมารับ หรือ ถอยมาทับ

“THE MARKET PODCAST” รายการที่ไม่ใช่แค่เล่าข่าว แต่เป็นการเจาะข่าว เจาะประเด็น เพื่อให้นักลงทุนรู้ก่อนเทรด!

ดำเนินรายการโดย คุณชยนนท์ รักกาญจนันท์ หรือ Mr.Messenger เจ้าของเพจ Sinthorn

ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงหนัก ถอยมารับ หรือ ถอยมาทับ?

เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวร่วงหนักทุกดัชนี โดย Dow Jones ปิดที่ระดับ 25,128.17 จุด ปิดลบไป -1,861.82 จุด หรือ คิดเป็น -6.90% ขณะที่ S&P 500 ปิดที่ระดับ 3,002.10 จุด ปิดลบไป -188.04 จุด หรือ คิดเป็น -5.89% สุดท้าย ดัชนี NASDAQ ปิดลบไป -527.62 หรือ คิดเป็น -5.27% หลังจากไปยืนเหนือ 10,000 จุด ได้เพียงแค่วันเดียว

ทั้งนี้ การลบระดับนี้ ถึงแม้จะดูหนัก แต่เมื่อเทียบกับคลื่นลูกแรกของการระบาดในสหรัฐฯช่วงตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. แล้ว การร่วงระดับนี้ ยังไมได้ทำสถิติหนักสุดของปีนะครับ โดยมีอีก 5 วันทำการที่ Dow Jones ร่วงแรงกว่าเมื่อคืนนี้ (คือวันที่ 9 , 12 และ 16 มี.ค.)

ปัจจัยอะไรที่ถูกปล่อยออกมาผ่านสื่อในช่วงที่ตลาดปรับฐานบ้าง

1. สื่อทุกสำนักรายงานตรงกันว่า หลักๆมาจากปัจจัยเรื่องการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทำจุดสูงสุดใหม่ในหลายๆรัฐของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น Texas, Florida, North Carolina และ Arizona โดยเฉพาะที่ Texas ที่จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นทะลุ 1,500 รายต่อวันไปแล้ว ทำให้แผนการเปิดเมืองที่เพิ่งจะทำกันไป พอเจอทั้งการประท้วงกรณี การเสียชีวิตของคุณ George Floyd และการระบาดระลอก 2 นักลงทุนมองว่า โอกาสปิดเมือง กลับมา Lockdown อีกครั้งสูงขึ้นทันที

2. จริงๆ ตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงหุ้นไทย ปรับฐานล่วงหน้าไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน โดนแรงขายนั้นก็มาจากการที่ Valuation เริ่มตึงตัวมากๆ รวมถึงผลการประชุมเฟดเมื่อคืนวันพุธ ที่เฟดเลือกเพียงแค่จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% มองว่าจะคงดอกเบี้ยต่อไปอย่างน้อยอีกปีครึ่ง แต่ยังไม่ส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆเพิ่มเติม ในขณะที่มีมุมมองว่า GDP Growth ในปี 2020 จะติดลบ -6.5% ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และหากเป็นจริงเช่นนี้ เศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวแบบ U Shape มากกว่า V Shape

3. OECD ได้เตือนเมื่อวันเช้าวันพุธว่า การระบาดของ COVID-19 จะทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบ 100 ปี โดยมองว่า หากคลื่นลูกที่ 2 ของการระบาดเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง มีโอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะหดตัวถึง -7.6% พอรวมกับปัจจัยในข้อ 1. กับ ข้อ 2. แน่นอนว่า ก็มีนักลงทุนที่ห่อกำไรมาตั้งแต่เดือนมี.ค. จะลดพอร์ต ขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงออกไปบ้าง

ทั้งนี้ สันนิษฐานของนักวิเคราะห์และสื่อทุกสำนักที่บอกว่า ตลาดหุ้นปรับฐานเพราะกลัว Wave 2 นั่น ก็มีส่วนจริงอยู่เยอะ เพราะหากไปมองที่หุ้นรายตัวในสหรัฐฯ จะพบว่า หุ้นกลุ่มที่โดนเทหนักๆคือ Airlines, Cruise Operators, Retailers, Banking และ Energy ซึ่ง Sensitive กับ Lockdown มากกว่าหุ้นกลุ่ม Technology

และหุ้นที่บวกได้เมื่อคืน ก็เป็นหุ้นที่พิสูจน์แล้วว่า นักลงทุนพยายามเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกักตัวอยู่บ้าน และ Work From Home อย่าง Zoom ที่ยังอุตส่าห์ปิดบวกไปได้ตัวเดียวใน NASDAQ 100 ที่ +0.48% ขณะที่หุ้น Netflix ก็ลบน้อยที่สุดติดอันดับ 5 โดยลบแค่ -2.05% เมื่อเทียบกับดัชนีที่เฉลี่ยแล้วลบ -5.27%

ทั้งนี้ ช่วงก่อนเที่ยงคืน นาย Steven Mnuchin รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ CNBC ว่า การปิดเมืองรอบสอง ไม่ได้เป็นทางเลือกที่ทำเนียบขาวจะทำ และบอกว่า ยินดีที่จะเข้าไปขออนุมัติผ่านสภาคองเกรสอีกรอบเพื่อกระตุ้นด้วยมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมหากจำเป็น

แต่ก็ดูเหมือนว่า คำพูดของ Mnuchin จะไม่ได้ทำให้ตลาดสบายใจขึ้นได้เลยนะครับ

ไปดูสินทรัพย์ประเภทอื่น ก็สะท้อนว่า ตลาดเข้าสู่ Risk Off Mode เพราะ ราคาทอง Spot Gold จากที่หลุด $1,690 ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มาวันนี้กลับมายืนเหนือ $1,727 ได้ พร้อมๆกับ US Treasury อายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป Yield ไหลลงมากันหมด ขณะที่ US Treasury ตัวระยะสั้นกว่า 5 ปี Yield เด้งขึ้น แสดงว่ามีแรงขายโยกจากตราสารหนี้ระยะสั้นเข้าตราสารหนี้ระยะยาว

ด้านค่าเงินดอลล่าร์ ก็แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองผ่าน Dollar Index จากหลุด 96 ก็ขยับขึ้นมาที่ 96.77 จุด

วันนี้ตอนเช้าเปิดมาตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยเหนื่อยแน่ๆครับ

*******************************

เพื่อตอบคำถามว่า ที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงหนักเมื่อคืน มันคือการถอยมารับ หรือ ถอยมาทับ? ไป

ดูมุมมองทางเทคนิคกัน

1. ดัชนี Dow Jones ภาพไม่สวย เพราะแท่งเทียนเมื่อวานหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และได้ Sell Signal จาก MACD รวมถึง RSI ปักหัวลงมาจาก Overbought Zone ด้านที่น่าสนคือ ลงมาชน Uptrend Line ในกราฟ Day พอดี

2. ดัชนี S&P 500 อาการคล้ายๆ Dow Jones แท่งเทียนยังไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน สิ่งที่เหมือน Dow Jones ก็คือ ได้ Sell Signal จาก MACD ไปแล้ว แต่ที่น่ากังวลกว่า คือ หลุด Uptrend Line ในกราฟ Day ไปเรียบร้อย

3. NASDAQ ยืนเกาะเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันพอดี แต่เจอ Sell Signal บน MACD รวมถึง RSI ปักหัวลงมาจาก Overbought Zone แต่ก็หลุด Uptrend Line ไปแล้ว (เพราะรอบขาขึ้น พี่ลากซะชันเหลือเกิน)

ขณะที่กราฟรายสัปดาห์ยังบอกอะไรไม่ได้มากว่า ตลาดหุ้นอเมริกากำลังเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลงแล้วหรือยัง แต่ถ้าไปดูหุ้นรายตัวใน Technology Sector ที่เป็น Leader Stock จะพบว่าการขึ้นเริ่มชะลอมา 2 สัปดาห์ก่อนแล้ว เพราะหลีกทางให้กับพวก Cyclical Sector ได้วิ่งขึ้นมาก่อนจะโดนทุบเละเทะภายในไม่ถึงเดือน ก็ต้องมาดูหุ้นกลุ่มนี้ในสัปดาห์หน้าว่าจะปฎิบัติอย่างไร สมกับเป็นผู้นำในรอบที่ผ่านมาขนาดนั้นรึเปล่า

แต่จนถึงตอนนี้ ตลาดจะเริ่มกลับมา Sensitive กับข่าวร้าย โดยเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 สิ่งที่ Mr.Market ทำเป็นไม่เห็นและมองข้ามมาตลอด มาตอนนี้ อยู่ดีๆก็ให้น้ำหนักมันซะอย่างงั้น

ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพราะมันขึ้นมาแรงเกินไป เลยต้องย่อบ้าง แต่เพราะความคาดหวังต่อ Unlimited QE มันสูง ความผันผวนของตลาดมันเลยสุดโต่งแบบที่เราเห็น

ส่วนตัว ยังเชื่อว่า เงินท่วมโลกยังมีอิทธิพลอยู่สูง เมื่อตลาดลงมาถึงจุดหนึ่ง เงินเหล่านี้ก็จะกลับเข้าตลาดหุ้นอีกรอบอยู่ดี

ยกเว้นก็แต่ว่า ถ้าเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐฯมันทรุดหนักจนเกินจะเยียวยาจริงๆ เจอแบบนั้น ผมก็คงต้องหนีไปทองแทนละครับ

Mr.Messenger รายงาน


 


ติดตาม FINNOMENA Podcast ได้ทุกช่องทางที่คุณมี

App Spotify
https://finno.me/spotify

App Google podcasts
https://finno.me/googlepodcast

Apple podcast
https://finno.me/applepodcast

App Soundcloud
https://finno.me/soundcloud

Podbean
https://finno.me/podbean

Youtube
https://finno.me/youtubepodcast

TSF2024