ความร้อนแรงของสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เราเริ่มเห็น “บิตคอยน์” และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ เข้ามามีบทบาทในโลกการเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ
ใครที่เริ่มสนใจลงทุนในบิตคอยน์ บทความนี้ รวมเรื่องที่ต้องรู้ก่อนลงทุนในบิตคอยน์มาให้แล้ว!
Bitcoin คืออะไร?
บิตคอยน์ (Bitcoin) หรือ BTC คือสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) สกุลแรกของโลกที่ถูกสร้างขึ้นบน “บล็อกเชน” (Blockchain) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับตรวจสอบธุรกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์ หัวใจของบิตคอยน์คือ “การกระจายศูนย์” (Decentralized) ที่ปราศจากการควบคุมจากตัวกลางหรือการกำกับดูแลของรัฐบาลและธนาคารใด ๆ
ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์แต่ละรายการถูกบันทึกไว้ในบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ ทำให้ธุรกรรมใด ๆ ยากที่จะย้อนกลับ ดัดแปลง หรือทำลายทิ้ง
ปัจจุบันบิตคอยน์มีมูลค่าและส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในตลาดคริปโตฯ ด้วยปริมาณการซื้อขายอย่างมหาศาลในแต่ละวัน
จำนวนบิตคอยน์มีอยู่จำกัดที่ประมาณ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งล่าสุด ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2022 บิตคอยน์ถูกขุดไปแล้วกว่า 18.97 ล้านเหรียญ หรือราว 90% ของจำนวนบิตคอยน์ทั้งหมด โดยคาดว่าบิตคอยน์จะถูกขุดหมดประมาณปี 2140
ใครเป็นผู้สร้าง Bitcoin?
เครือข่ายบิตคอยน์ถือกำเนิดขึ้นในเดือนมกราคม ปี 2009 โดยผู้สร้างที่ใช้นามแฝงว่า “ซาโตชิ นากาโมโตะ” (Satoshi Nakamoto) ตัวตนที่แท้จริงของซาโตชิยังคงเป็นปริศนา แม้ว่าจะมีคนบางกลุ่มพยายามค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้วก็ตาม บางคนก็ตั้งข้อสงสัยต่าง ๆ นานาว่าเหตุผลที่ซาโตชิไม่ยอมเปิดเผยตัวตนของเขาอาจเป็นเพราะเขาต้องการรักษาหัวใจสำคัญของบิตคอยน์เอาไว้นั่นคือ “การกระจายศูนย์” ที่ทำให้บิตคอยน์ไม่ขึ้นอยู่กับตัวกลางใด ๆ เพราะหากเขาเปิดเผยตัวตนของเขาก็อาจจะทำให้สูญเสียหัวใจสำคัญสิ่งนี้ไปได้ ซึ่งในระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา มีหลายคนที่ออกมาแสดงตัวและอ้างว่าเขาเป็นซาโตชิผู้สร้างบิตคอยน์ แต่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าใครกันแน่ที่เป็นซาโตชิตัวจริงเสียงจริง
มูลค่าของ Bitcoin เกิดจากอะไร?
คุณลักษณะที่ทำให้สกุลเงินทั่วไป (Fiat) มีมูลค่า ได้แก่ สามารถแบ่งออกเป็นหน่วยย่อยได้ เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป, หายาก, พกพาง่าย, ทนทาน และปลอมแปลงยาก ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้สกุลเงินทั่วไปสามารถนำมาใช้ได้ในระบบเศรษฐกิจ แต่ถ้าพูดถึงบิตคอยน์ เชื่อว่าคงมีไม่น้อยที่สงสัยว่ามูลค่าของบิตคอยน์เกิดมาจากอะไร เพราะในแง่ของการลงทุน หากเป็นหุ้น เราก็ดูจากพื้นฐานหุ้น งบการเงิน ผลประกอบการต่าง ๆ แต่บิตคอยน์มันไม่มีข้อมูลเหล่านั้นให้เราดู
หัวใจหลักที่ทำให้บิตคอยน์มีมูลค่าขึ้นมาได้คือ “ความขาดแคลน” อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าจำนวนบิตคอยน์นั้นมีอยู่จำกัดที่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์พื้นฐานอย่าง อุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) คือ เมื่ออุปทานมีอยู่อย่างจำกัดและลดลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ความต้องการหรืออุปสงค์ของบิตคอยน์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสวนทางกัน ทำให้ราคาบิตคอยน์ปรับตัวสูงขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังมีคุณสมบัติที่เหมือนสกุลเงินทั่วไปคือ สามารถแบ่งออกเป็นหน่วยย่อยได้ เพราะ 1 เหรียญบิตคอยน์สามารถแบ่งย่อยเป็นทศนิยมได้สูงสุดถึง 8 ตำแหน่งเลยทีเดียว (ในขณะที่สกุลเงินทั่วไปสามารถแบ่งได้สูงสุดเพียง 2 ตำแหน่ง) หรือที่เรียกว่า ‘Satoshi’ ซึ่งเป็นหน่วยย่อยที่สุดของบิตคอยน์ที่เท่ากับ 0.0000001 BTC นั่นเอง
Bitcoin กับการเป็นสกุลเงินของโลก
ปัจจุบันหลายธุรกิจเริ่มมีนโยบายรองรับบิตคอยน์ในการชำระค่าสินค้าและบริการมากขึ้นเรื่อย ๆ ตัวอย่างเช่น ‘Expedia’ ที่เปิดให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บิตคอยน์ในการชำระค่าโรงแรมและตั๋วเครื่องบิน รวมถึงบริการเสริมอื่น ๆ ผ่านแอปฯ ได้ ‘Rakuten’ อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น ก็เปิดรับชำระสินค้าและบริการด้วยสกุลเงินดิจิทัลผ่านแอปฯ ‘Rakuten Pay’ เช่นกัน
สำหรับในประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้ามี ‘ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์’ ที่เปิดรับสกุลเงินดิจิทัลกว่า 7 สกุล ซึ่งมีบิตคอยน์เป็นหนึ่งในนั้น ในการแลกสินค้าหรือบัตรกำนันได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมใด ๆ
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประเด็นในเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เป็นผลตามมาจากการขุดบิตคอยน์ เนื่องจากการขุดบิตคอยน์ต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล อ้างอิงจากข้อมูลของ XRP Ledger ที่กล่าวว่าบิตคอยน์ใช้ไฟฟ้าต่อชั่วโมงมากที่สุดถึง 951.58 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ในขณะที่เงินสดใช้ไฟฟ้า 0.044 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ส่วนมาสเตอร์การ์ด (Master Card) ใช้ไฟฟ้าน้อยที่สุดเพียง 0.0006 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) หรือน้อยกว่าบิตคอยน์ถึง 1.58 ล้านเท่า
ในปี 2021 ที่ผ่านมา เจ้าแห่งรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง ‘Tesla’ ได้ประกาศรับบิตคอยน์ในการชำระค่ารถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่นานก็ต้องยกเลิกไปเพราะอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้หยิบยกประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นมากล่าวถึง นอกจากนี้ยังมีประเด็นของจำนวนเหรียญที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งประเด็นที่กล่าวไปเหล่านี้จะทำให้บิตคอยน์กลายเป็นสกุลเงินของโลกได้ในอนาคตหรือไม่ เราคงต้องติดตามกันต่อไป
ความเสี่ยงของ Bitcoin
แนวคิดของบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลยังคงมีความแปลกใหม่เมื่อเทียบกับการลงทุนแบบดั่งเดิม นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงในหลาย ๆ ด้าน เช่น
ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ
หากใครอยู่ในแวดวงคริปโตฯ หรือตามข่าวคริปโตฯ คงรู้กันดีว่ายังมีรัฐบาลหลาย ๆ ประเทศไม่ยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีสำหรับใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเหมือนเงินสด อย่างประเทศจีนที่ต่อต้านถึงขนาดกวาดล้างเหมืองขุดบิตคอยน์ทั่วประเทศ และประกาศว่าคริปโตฯ เป็นสิ่งผิดกฎหมายเลยทีเดียว
ในทางกลับกันก็มีบางประเทศที่มีการสนับสนุนคริปโตฯ ในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น ประเทศเอลซัลวาดอร์ เป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติให้บิตคอยน์เป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายควบคู่ไปกับดอลลาร์สหรัฐฯ ประเทศเกาหลีใต้ก็มีการเพิ่มคริปโตฯ เข้าไปเป็นหนึ่งในหลักสูตรประถม-มัธยมปลายเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโลกการเงินในอนาคต
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
การซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์เป็นแบบดิจิทัลทั้งหมด จึงมีความเสี่ยงจากแฮกเกอร์ มัลแวร์ ซึ่งหากแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงรหัสส่วนตัวของกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีบิตคอยน์ได้แล้ว พวกเขาสามารถโอนบิตคอยน์ที่อยู่ในบัญชีนั้นไปยังบัญชีอื่นได้ อย่างไรก็ตาม เราสามารถใช้ ‘Hardware Wallet’ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับกระเป๋าเงินดิจิทัลของเราได้
ความเสี่ยงด้านตลาด
เช่นเดียวกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมีความผันผวนค่อนข้างสูง ราคาบิตคอยน์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วภายในหนึ่งวัน หรือแม้กระทั่งภายในหนึ่งนาที แม้บางคนจะกล่าวว่าบิตคอยน์คึอ “ทองคำดิจิทัล” แต่ที่ผ่านมา บิตคอยน์ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองในการทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยยามเกิดวิกฤตเช่นเดียวกับทองคำแท่ง ซึ่งบิตคอยน์จะสามารถพิสูจน์ตัวเองในการเป็นทองคำดิจิทัลได้ในอนาคตหรือไม่ เราคงต้องติดตามกันต่อไป
อยากลงทุนใน Bitcoin ทำอย่างไรได้บ้าง?
เห็นกระแสความแรงของสกุลเงินดิจิทัลแล้ว หลายคนคงอยากเข้ามาหาโอกาสทำกำไรในตลาดนี้กัน สำหรับการลงทุนในบิตคอยน์ทำได้หลัก ๆ 2 วิธี คือการขุด และการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ
1. การขุด Bitcoin
ใครอยากลงทุนบิตคอยน์ด้วยวิธีการขุด สิ่งแรกที่ต้องเตรียมเลยคือเครื่องขุดบิตคอยน์ (Asic) ที่สามารถประมวลผลได้รวดเร็ว เนื่องจากมีคู่แข่งจำนวนไม่น้อยที่มาลงสนามขุดบิตคอยน์ไปพร้อมคุณ ส่วนราคาก็ตามสเปคของเครื่องเลย ยิ่งสเปคสูงราคาก็จะสูงตามไปด้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ “ค่าไฟ” เพราะอย่างที่กล่าวไปว่าการขุดบิตคอยน์จำเป็นต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล จึงมีต้นทุนในส่วนของค่าไฟฟ้าจากการขุดด้วย ดังนั้นแนะนำว่าควรคำนวณให้ดีว่าหากเราลงทุนซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์มาและหักต้นทุนในส่วนของค่าไฟแล้วจะคุ้มหรือไม่ กี่ปีถึงจะคืนทุน
2. ซื้อขาย Bitcoin ผ่านแพลตฟอร์ม
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเปิดให้นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ซึ่งจะต่างกับตลาดหุ้นที่มีวันหยุดและมีเวลาเปิดปิดตลาด โดยปัจจุบันการซื้อขายบิตคอยน์ทำได้ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากกระแสความป๊อปของสกุลเงินดิจิทัล
สำหรับคนที่อยากลงทุนบิตคอยน์ ผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายแต่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะเปิดบัญชีใช้บริการกับเจ้าไหนดี บทความนี้เราขอรวบรวมความดีงามของแพลตฟอร์มแต่ละเจ้ามาเปรียบเทียบกันเพื่อให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
- Bitkub (บิทคับ) – แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย มีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกเทรดมากกว่า 50 สกุล ค่าธรรมเนียมการเทรดอยู่ที่ 0.25% ต่อครั้ง และค่าธรรมเนียมการถอนเงินเริ่มต้นที่ 20 บาท/ครั้ง
- Zipmex (ซิปเม็กซ์) – แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ที่เปิดให้บริการในประเทศไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ความดีงามของซิปเม็กซ์คือค่าธรรมเนียมในการเทรดแต่ละครั้งเริ่มต้นเพียง 0.10% ส่วนค่าธรรมเนียมการถอนเงินอยู่ที่ครั้งละ 20 บาท การเปิดบัญชีเทรดก็ทำได้ง่ายผ่านทางออนไลน์ได้เลย
- Satang Pro (สตางค์ โปร) – ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ สัญชาติไทย ที่มีจุดเด่นคือสามารถฝากถอนเงินบาทได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ค่าธรรมเนียมก็สุดปัง เพราะเขาคิดค่าธรรมเนียมถอนเงินเพียง 18 บาท/ครั้งเท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมซื้อขายก็เริ่มต้นเพียง 0.12%
- Bitazza (บิทาซซ่า) – แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ที่มุ่งเน้นการให้บริการในภูมิภาคอาเซียน มีความปลอดภัยและสภาพคล่องสูง ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานก.ล.ต. มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายอยู่ที่ 0.25% ต่อครั้ง
- Binance (ไบแนนซ์) – เป็นแพลตฟอร์มที่ถือว่าครอบคลุมในการซื้อขายคริปโตฯ มากที่สุดในโลก เพราะมีเหรียญให้เราเลือกเทรดมากกว่า 300 เหรียญ แถมมีฟีเจอร์เด็ด ๆ ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนและนักเก็งกำไร ด้วยค่าธรรมเนียมซื้อขายเริ่มต้นเพียง 0.10% นอกจากนี้ยังสามารถซื้อคริปโตฯ โดยชำระผ่านบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตได้ด้วย
ทั้งนี้ ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีค่อนข้างผันผวน ราคาเคลื่อนไหวเร็ว ขึ้นแรงลงแรง แถมเปิดซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นไม่ว่าจะลงทุนบิตคอยน์ด้วยวิธีใดก็อย่าลืมประเมินความเสี่ยงของตัวเองและศึกษาทำความเข้าใจในสินทรัพย์ให้ดีก่อนลงทุนเสมอด้วยนะ
ศึกษาเกี่ยวกับ Bitcoin เพิ่มเติม
- อยากเริ่มต้นกับ Bitcoin แต่ไม่รู้จะจัดพอร์ตกี่ % ดี ?
- 7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin
- Bitcoin = ทองดิจิทัล !?
- ขุดทอง Vs ขุด Bitcoin เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
- ปรากฏการณ์ Bitcoin Halving คืออะไร?
- สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการลดรางวัลตอบแทนของการขุดบิตคอยน์ (Bitcoin Halving)
— planet 46.
อ้างอิง
- https://www.investopedia.com/terms/b/bitcoin.asp
- https://www.newscientist.com/definition/bitcoin/
- https://www.investopedia.com/ask/answers/100314/why-do-bitcoins-have-value.asp
- https://www.forbes.com/advisor/investing/what-is-bitcoin/
- https://www.newscientist.com/definition/bitcoin/
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน