“อินเดีย” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจระดับสูง ทำให้มีแนวโน้มเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นอินเดียเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยล่าสุด นายกฤษณมูรติ สุพราหมณิยัน ผู้อำนวยการบริหาร IMF กล่าวว่า “อินเดียจะเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลกได้ไม่ยาก” เนื่องจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 มีการเติบโตสูงเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส ที่ระดับ 8.4%
บทความนี้ขอมารีวิว 10 หุ้นที่กองทุนอินเดียตัวท็อปอย่าง B-BHARATA ลงทุน โดยเป็นหนึ่งในกองทุนของ Mr.Messenger Call มาดูกันว่ากองทุนนี้ลงทุนอะไร แต่ละตัวทำธุรกิจอะไร และน่าสนใจอย่างไรบ้าง
รีวิว 10 หุ้นอินเดีย ในกองทุน B-BHARATA
Top 10 Holdings ของกองทุน B-BHARATA, ข้อมูล ณ วันที่ 15/03/2024
ที่มา: https://markets.ft.com/data/funds/tearsheet/holdings?s=IE00BN6Q7D46:USD
1. Reliance Industries
Reliance Industries ก่อตั้งขึ้นในปี 1958 โดย Dhirubhai Ambani มีจุดเริ่มต้นจากบริษัทร่วมทุนขนาดเล็กประกอบธุรกิจซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะเครื่องเทศและเส้นดายโพลีเอสเตอร์ ปัจจุบันเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติของอินเดีย ธุรกิจของบริษัทประกอบด้วย พลังงาน, ปิโตรเคมี, ก๊าซธรรมชาติ, ค้าปลีก, โทรคมนาคม, สื่อมวลชน, ความบันเทิง และสิ่งทอ ผ่านบริษัทในเครือ เช่น Jio Platforms, Reliance Retail, Reliance Industrial Infrastructure, Reliance Petroleum และ Network 18 เป็นต้น
Reliance Industries จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange: BSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘500325’ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย (National Stock Exchange of India: NSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘RELIANCE’ และตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange: LSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘RIGD’ ปัจจุบัน Reliance Industries เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ด้วยมูลค่าตลาด (Market Cap) กว่า 232.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มี.ค. 2567)
2. Infosys
Infosys เป็นบริษัทเทคโนโลยีให้บริการคำปรึกษาทางธุรกิจด้านไอทีในอินเดีย ก่อตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคม 1981 ภายใต้ชื่อ Infosys Consultants Private Limited โดยวิศวกร 7 คนในเมืองปูเน่ รัฐมหาราษฏระ ด้วยทุนเริ่มต้นเพียง 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange: BSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘500209’ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย (National Stock Exchange of India: NSE) และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘INFY’
บริการของ Infosys ประกอบด้วยการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ธุรกิจ (Strategic Business Consulting), แผนกลยุทธ์ด้านไอที (IT Strategy), การจัดการความเสี่ยงในองค์กร (Enterprise Risk Management), การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงในองค์กร (Organizational Change Management), การปฏิบัติตามกฎ (Compliance) , การบริหาร (Governance), การปฏิรูปกระบวนการธุรกิจ (Business Process Reengineering), การควบรวมกิจการที่เกี่ยวกับระบบไอที (Mergers and Acquisitions related to IT Systems), การปฏิบัติงานของลูกค้า (Customer Operations), โซลูชั่นภาคองค์กร (Enterprise Solutions), การดำเนินงานด้านผลิตภัณฑ์ (Product Operations), สถาปัตยกรรมด้านเทคนิค (Technical Architecture), การวิเคราะห์แอพพลิเคชั่น (Application Portfolio Analysis) และบริการอื่น ๆ พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม
3. HDFC Bank
HDFC Bank ก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม 1994 ปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย และเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียเป็นอันดับ 3 ด้วยมูลค่าตลาด (Market Cap) กว่า 140.30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มี.ค. 2567) ให้บริการด้านการเงินและการธนาคารในอินเดีย บาห์เรน ฮ่องกง และดูไบ มีสาขาพร้อมให้บริการกว่า 8,344 สาขา (ข้อมูล ณ วันที่ 1 มิ.ย. 2566) นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายแก่ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าองค์กร ไม่ว่าจะเป็น เงินฝาก บัตรเดบิต/เครดิต สินเชื่อ ประกันภัย ฯลฯ
HDFC Bank จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange: BSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘500180’ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย (National Stock Exchange of India: NSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘HDFCBANK’ และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘HDB’
4. ICICI Bank
ICICI Bank Limited ก่อตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ Industrial Credit and Investment Corporation of India ในเดือนมกราคม 1955 ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ ICICI Bank ในเดือนตุลาคม 2001 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange: BSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘532174’ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย (National Stock Exchange of India: NSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘ICICIBANK’ และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘IBN’
นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้แก่ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าองค์กร ไม่ว่าจะเป็น บัญชีเงินฝาก บริการด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สินเชื่อ บริการบัตร ประกันภัย เป็นต้น โดยมีการดำเนินงานใน 17 ประเทศทั่วโลก มีสาขาในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา สิงคโปร์ บาห์เรน ฮ่องกง กาตาร์ โอมาน ดูไบ จีน และแอฟริกาใต้ ผ่านบริษัทในเครือ เช่น ICICI Prudential Life Insurance, ICICI Lombard, ICICI Prudential Mutual Fund และ ICICI Securities เป็นต้น
ปัจจุบัน ICICI Bank เป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอินเดียรองจาก HDFC Bank และเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียเป็นอันดับ 4 ด้วยมูลค่าตลาด (Market Cap) กว่า 91.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มี.ค. 2567)
5. Bajaj Finserv
Bajaj Finserv เป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2007 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange: BSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘532978’ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย (National Stock Exchange of India: NSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘BAJAJFINSV’ โดยมุ่งเน้นไปที่การให้บริการสินเชื่อ ประกันภัย และ การบริหารจัดการทรัพย์สิน ผ่านบริษัทย่อยในเครือ เช่น Bajaj Finance, Bajaj Allianz Life Insurance, Bajaj Allianz General Insurance, Bajaj Housing Finance, Bajaj Finserv Asset Management Company, Bajaj Finserv Direct (Bajaj Markets) และ Bajaj Finserv Health ซึ่งนอกเหนือจากบริการทางการเงินแล้ว Bajaj Finserv ยังดำเนินธุรกิจด้านการผลิตพลังงานลมอีกด้วย
6. Larsen & Toubro
Larsen & Toubro หรือ L&T ก่อตั้งขึ้นในปี 1938 โดยวิศวกรชาวเดนมาร์ก Henning Holck-Larsen และ Soren Kristian Toubro จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange: BSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘500510’ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย (National Stock Exchange of India: NSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘LT’
ดำเนินธุรกิจด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ และการก่อสร้าง (EPC) การผลิต เทคโนโลยี บริการทางการเงิน และอื่น ๆ ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ผ่านบริษัทในเครือกว่า 93 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565) ไม่ว่าจะเป็น L&T Constructions, L&T Energy Hydrocarbon, L&T Technology Services, LTIMindtree, L&T Defence และ L&T-SuFin เป็นต้น
7. Axis Bank
Axis Bank ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 1993 ภายใต้ชื่อ UTI Bank ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Axis Bank ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2007 เป็นผู้ให้บริการทางการเงินและการธนาคาร มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้แก่ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าองค์กร ไม่ว่าจะเป็น เงินฝาก สินเชื่อ บริการด้านบัตร บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต บริการด้านตลาดทุน บริการให้คำปรึกษาทางการเงิน การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและอนุพันธ์ ฯลฯ มีสาขาให้บริการทั้งในอินเดียกว่า 4,903 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 2566) นอกจากนี้ยังให้เปิดให้บริการในต่างประเทศทั้งสิงค์โปร ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และโครัมโบ
Axis Bank จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange: BSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘532215’ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย (National Stock Exchange of India: NSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘AXISBANK’ และตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange: LSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘AXBC’
8. Varun Beverages
Varun Beverages Limited หรือ VBL ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 ดำเนินธุรกิจด้านเครื่องดื่มอัดลม (CSD) และเครื่องดื่มไม่อัดลม (NCD) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange: BSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘540180’ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย (National Stock Exchange of India: NSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘VBL’
บริษัทมีส่วนร่วมในการผลิต บรรจุขวด จัดจำหน่ายเครื่องดื่มอัดลม ภายใต้แบรนด์ Pepsi, Pepsi Black, Mountain Dew, Mirinda และ 7UP เครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์ Sting และ Blue โซดาภายใต้แบรนด์ Evervess และ Dukes รวมถึงผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มไม่อัดลม ซึ่งประกอบด้วยน้ำผลไม้ เครื่องดื่มชา เครื่องดื่มเกลือแร่ และน้ำดื่มบรรจุขวด ภายใต้แบรนด์ Tropicana 100%, Tropicana Delight, Slice, 7UP Nimbooz, Gatorade, Aquafina และ Aquavess โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้กับร้านค้าปลีกโดยตรงในอินเดีย เนปาล ศรีลังกา โมร็อกโก แซมเบีย ซิมบับเว คองโก ดูไบ แอฟริกาใต้ เอสวาตีนี เลโซโท นามิเบีย บอตสวานา และโมซัมบิก
9. CreditAccess Grameen
CreditAccess Grameen Limited เป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) ระดับไมโครไฟแนนซ์ (Mirco-Finance) ในเดือนสิงหาคม 2018 ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange: BSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘541770’ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย (National Stock Exchange of India: NSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘CREDITACC’ ให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้ารายย่อยสำหรับผู้หญิงจากครัวเรือนที่ยากจนและมีรายได้น้อยในอินเดีย นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อยเพื่อสร้างรายได้
CreditAccess Grameen ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดย Vinatha M. Reddy ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ “Give Us Credit” ที่เขียนโดย Alex Counts ประธานและ CEO ของมูลนิธิ Grameen ในสหรัฐฯ ในตอนที่ Reddy กำลังบริหารองค์กร NGO ที่มีชื่อว่า “T Muniswammapa Trust” ก็ได้รับเงินสนับสนุนจากมูลนิธิ Grameen จำนวน 35,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อนำแนวคิดของมูลนิธิ Grameen มาสร้างในอินเดีย เกิดเป็น “Grameen Koota” ขึ้น และเมื่อแนวคิดนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Grameen Financial Services Private Limited ในเดือนตุลาคม 2007 และมีบริษัทไมโครไฟแนนซ์อย่าง CreditAccess India B.V. เข้าร่วมลงทุนด้วยมูลค่าเงินลงทุนกว่า 9.68 พันล้านรูปปีตั้งแต่ปี 2009
10. NTPC
NTPC Limited ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 1975 โดยรัฐบาลอินเดียภายใต้ชื่อ National Thermal Power Corporation Private Limited จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange: BSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘532555’ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย (National Stock Exchange of India: NSE) ภายใต้สัญลักษณ์หุ้น ‘NTPC’ ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับคณะกรรมการไฟฟ้าของรัฐในอินเดีย ด้วยกำลังการผลิตกว่า 72,300 เมกะวัตต์ (ข้อมูล ณ วันที่ 3 พ.ค. 2566) โดยผลิตพลังงานจากถ่านหิน ก๊าซ เชื้อเพลิงเหลว น้ำ ลม แสงอาทิตย์ นิวเคลียร์ และพลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้องค์กรยังมีบริการให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรม การก่อสร้าง และการดำเนินงานโรงไฟฟ้า
ลงทุนหุ้นอินเดีย ผ่านกองทุน B-BHARATA
กองทุน B-BHARATA หรือ กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ จาก บลจ.บัวหลวง (BBLAM) มีนโยบายลงทุนใน RAMS Investment Unit Trust – India Equities Portfolio Fund II, Class I (USD) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ซึ่งเน้นธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอินเดีย และมีน้ำหนักการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ เพื่อโอกาสเพิ่มผลตอบแทนมากขึ้น และสิ่งที่ทำให้กองทุนนี้น่าสนใจ ไม่ใช่แค่แนวโน้มเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างสดใส แต่หมายรวมถึงอัตราผลตอบแทนที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
- ระดับความเสี่ยงกองทุน: 6 (เสี่ยงมาก)
- ค่าธรรมเนียมรวมกองทุน: 1.4792%
- เงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไป: 500 บาท
- หนังสือชี้ชวนกองทุน: คลิก
Finnomena 3D Diagram ของกองทุน B-BHARATA
ที่มา: Finnomena Funds, 15/03/2024
ผลการดำเนินงานและ SD ของกองทุน B-BHARATA
ที่มา: Finnomena Funds, 13/03/2024
อ่านเพิ่มเติม
- ตะลุยกองทุนหุ้นอินเดีย มีอะไรที่ต้องรู้ในตลาดแห่งความหวังนี้?
- Mr.Messenger Call: จังหวะขาขึ้นของหุ้นอินเดีย รับอานิสงส์ MSCI เพิ่มน้ำหนัก เศรษฐกิจโตแกร่ง
ใครพร้อมเติบโตไปกับการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหม่ของประเทศอินเดียกับกองทุน B-BHARATA แล้ว เปิดบัญชีลงทุนกับ Finnomena Funds ได้เลย! คลิก https://finno.me/get-started-ws
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”