ใครที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นจีนผ่านกองทุนรวม แต่ยังคงเลือกไม่ถูกว่า “จะลงทุนกองทุนจีนกองไหนดี?” ต้องอ่านบทความนี้ เพราะบทความนี้เรามาพร้อมกับกองทุนจีนแนะนำที่คัดกันมาเน้น ๆ ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึกจาก FINNOMENA Investment Team จะมีกองทุนไหนบ้าง และแต่ละกองจะมีความน่าสนใจอย่างไร ติดตามได้เลย
และก่อนที่เราจะไปพบกับกองทุนจีนแนะนำ เรามาทำความรู้จักกับดัชนีตลาดหุ้นจีนกันสักหน่อยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง แต่ละตลาดมีลักษณะเฉพาะอย่างไร เพื่อที่จะได้เห็นภาพตลาดหุ้นจีนได้ชัดขึ้น
ดัชนีตลาดหุ้นจีนมีอะไรบ้าง?
ดัชนีตลาดหุ้นจีนนั้นมีมากมายหลายดัชนี ซึ่งแต่ละดัชนีก็จะสะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่แตกต่างกันไป สำหรับบทความนี้ เราขอนำดัชนีตลาดหุ้นจีนที่นักลงทุนส่วนใหญ่นิยมลงทุนมาพูดถึง ซึ่งมีทั้งหมด 4 ดัชนีด้วยกัน ได้แก่ MSCI China, CSI 300, HSCEI และ HSI ขอพาไปเจาะลึกกันว่าแต่ละดัชนีคือดัชนีอะไร และมีหุ้นและอุตสาหกรรมใดเป็นสัดส่วนหลักกันบ้าง
MSCI China Index
ดัชนี MSCI China เป็นดัชนีของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในทั้งตลาดหุ้นจีน ไม่ว่าจะเป็น A-Shares, B-Shares, H-Shares, Red-Chips, P-Chips และ ADRs (หุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาด NASDAQ) โดยครอบคลุมทั้งหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางของตลาดทุนจีน
- สัดส่วนอุตสาหกรรมหลัก: Consumer Discret – 29%, Financials – 16.7%, Communications – 15.89%
- สัดส่วนหุ้นหลัก 5 อันดับแรก: Tencent, Alibaba, Meituan, China Construction Bank และ JD.com
มูลค่าตลาด: 1.49 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
(ข้อมูลจาก MSCI ณ วันที่ 31 ต.ค. 2565)
Shanghai Shenzhen CSI 300 Index (CSI 300)
ดัชนี Shanghai Shenzhen CSI 300 (CSI 300) เป็นดัชนีตัวแทนของบริษัทจดทะเบียนในจีนแผ่นดินใหญ่ หรือหุ้น A-Shares 300 อันดับแรก ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ และตลาดหุ้นเซินเจิ้น สกุลเงินหลักที่ใช้ซื้อขายคือ เงินหยวน (RMB)
- สัดส่วนอุตสาหกรรมหลัก: Financials – 22.63%, Industrials – 22%, Consumer Staples – 13.5%
- สัดส่วนหุ้นหลัก 5 อันดับแรก: Moutai, Contemporary Amperex Technology, Ping An, China Merchant Bank, และ Wuliangye Yibin
มูลค่าตลาด: 17.74 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
(ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 14 พ.ย. 2565)
Hang Seng China Enterprises Index (HSCEI)
ดัชนี Hang Seng China Enterprises (HSCEI) เป็นดัชนีของกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “H-Shares” เงินสกุลหลักที่ใช้ในการซื้อขายคือ ฮ่องกงดอลลาร์ (HKD)
- สัดส่วนอุตสาหกรรมหลัก: Financials – 36.01%, Information Technology – 27.12%, Consumer Discret – 9.02%
- สัดส่วนหุ้นหลัก 5 อันดับแรก: HSBC, AIA,Tencent, Alibaba และ Meituan
มูลค่าตลาด: 15.7 ล้านล้านฮ่องกงดอลลาร์
(ข้อมูลจาก hsi.com.hk ณ เดือน ตุลาคม 2565)
Hang Seng Index (HSI)
ดัชนี Hang Seng (HSI) เป็นดัชนีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เงินสกุลหลักที่ใช้ในการซื้อขายคือ ฮ่องกงดอลลาร์ (HKD)
- สัดส่วนอุตสาหกรรมหลัก: Information Technology – 35.49%, Financials – 27.61%, Consumer Discret – 9.02%
- สัดส่วนหุ้นหลัก 5 อันดับแรก: CCB, Meituan, Alibaba, Tencent และ China Mobile
มูลค่าตลาด: 11.1 ล้านล้านฮ่องกงดอลลาร์
(ข้อมูลจาก hsi.com.hk ณ เดือน ตุลาคม 2565)
สรุป 4 เหตุผลโอกาสสำหรับสาวกคอหุ้นจีน
1. หุ้นจีนอยู่ในระดับที่โคตรถูก
ที่มา: msci.com
วันที่: 31 ตุลาคม 2022
จากภาพเราจะเห็นได้ว่าหุ้นจีนนี่ PE ต่ำมาก ๆ ระดับประมาณ 10 ต้น ๆ ส่วนประมาณการ PE นี่แทบจะหลักหน่วยอยู่แล้ว
สิ่งนี้หมายความว่าอะไร? หมายความว่าถ้าคุณเชื่อว่าเศรษฐกิจของจีนจะโตระเบิดไปอีกประมาณ 10% ต่อปี คุณลงทุนไป 10 ปีก็คืนทุนแล้ว นี่จึงถือเป็นโอกาสในการลงทุนที่ fair value โดยแท้
2. ผู้ที่คว้าโอกาสรับของถูกคือผู้ที่จะสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าในระยะยาว
ที่มา: boundedfinance.com วันที่ 9 กรกฎาคม 2021
จากภาพเราจะเห็นได้ว่าหากเลือกซื้อหุ้นที่ถูกโคตร ๆ (PE ต่ำ) ผลตอบแทนของเราจะเป็นบวกทั้งหมดและอยู่ในระดับที่สูงที่สุด ในขณะที่หากเราซื้อหุ้นที่มี PE สูง (ราคาแพง) ผลตอบแทนที่ได้ในช่วงสั้น ๆ อาจจะมีบ้าง แต่กลับกันแล้วในระยะยาวเราจะได้ผลตอบแทนติดลบเลยทีเดียว
ดังนั้นหากจะบอกว่าช่วงนี้ที่ราคาปรับตัวลง คือ โอกาส ก็คงจะไม่ผิดนัก
3. บิ๊กเทคของจีนจำนวนผู้ใช้งานยังแข็งแกร่ง
ที่มา: Tencent’s key operating metrics จัดทำโดย Mr. Serotonin
ภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพที่ชี้ชัดให้เราเห็นว่าจำนวนผู้ใช้งานในแอปพลิเคชั่นสื่อสารของ Tencent ซึ่งมีสัดส่วนเป็นรายได้ของบริษัทยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง หรืออาจสื่อเป็นนัย ๆ ว่าจริง ๆ แล้วพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนและ Tencent ยังคงแข็งแกร่งดังเดิม
ที่มา: Bloomberg วันที่: 13 พฤศจิกายน 2019
ที่มา: statistia.com วันที่: 14 ตุลาคม 2022
และบิ๊กเทคราชันย์ E-commerce อย่าง BABA ก็ไม่น้อยหน้า จำนวนผู้ใช้งานยังคงเติบโตต่อเนื่องไม่มีหยุด!!
4. อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจีนกำลังมาแรงพร้อมเติบโตแบบพุ่งทยาน
ภาพแสดงการเติบโตของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ที่มา: ev-volumes.com วันที่: 2022 1H
ภาพแสดงการเติบโตของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ ทั่วโลก ที่มา: ev-volumes.com วันที่: 2022 1H
จากภาพข้างบนเราจะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจีนมาแรงมาก ๆ โตโหดแบบหลัก 100% เลยทีเดียว อีกทั้งหากมาดูในระดับโลกรถยนต์ EV อย่าง BYD ที่วอเรนน์ บัฟเฟตต์ ได้ถือหุ้นถึงแม้จะมีกระแสทยอยขายออกมาบ้างก็ทำยอดขายถล่มทลายแบบ 300% ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเติบโตที่สูงเอามาก ๆ น่าจับตามองเลยทีเดียว
กองทุนจีนแนะนำจาก FINNOMENA
K-CHINA-A
กองทุน K-CHINA-A หรือ K China Equity Fund-A จาก บลจ.กสิกรไทย (KAsset) มีนโยบายลงทุนในกองทุน JPMorgan Funds – China Fund, Class JPM China I (acc) – USD เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยกองทุน K-CHINA-A จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
นโยบายการลงทุนกองทุนหลัก: มีวัตถุประสงค์การลงทุนมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ตั้งถิ่นฐานหรือดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่น้อยกว่า 67% ของ NAV รวมถึงอาจลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ได้ไม่เกิน 40% ของ NAV เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนกองทุนหลัก: คัดเลือกหุ้นที่ลงทุนโดยใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่เริ่มจากการวิเคราะห์ข้อมูลรายบริษัท (Bottom-up) และเน้นลงทุนในตราสารที่มั่นใจว่าดีในสัดส่วนสูง (High conviction approach) เพื่อหารูปแบบการลงทุนที่ดีที่สุด อีกทั้งยังมุ่งลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพ ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูงและยั่งยืน
ทำไมต้องเป็น K-CHINA-A?
- กองทุนหลักเน้นลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนและเป็นหนึ่งใน Megatrend ที่มีแนวโน้มการเติบโตได้สูงในอนาคตอย่างหุ้น Green Technology
- กองทุนมีการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจ อาทิ ธุรกิจ Food delivery ช่วยลดความเสี่ยงจากนโยบายการปิดและเปิดเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอน
- กองทุนหลักเป็นกองทุน ETF ที่มีสภาพคล่องสูงและค่าธรรมเนียมถูก เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว
สัดส่วนการลงทุน
Sectors Allocation ของ K-CHINA-A (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2565)
ที่มา: https://am.jpmorgan.com/lu/en/asset-management/adv/products/jpm-china-i-acc-usd-lu0248042839
Top 10 Holdings ของ K-CHINA-A (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2565)
ที่มา: https://am.jpmorgan.com/lu/en/asset-management/adv/products/jpm-china-i-acc-usd-lu0248042839
รีวิวหุ้น 3 อันดับแรก
Tencent – 9.30%
บริษัทโฮลดิ้ง ผู้ให้บริการ VAS (Value Added Services), บริการโฆษณาออนไลน์, FinTech, Business Services และอื่น ๆ โดยให้บริการครอบคลุมทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ เกมออนไลน์ รวมถึงให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การบูรณาการระบบสารสนเทศ ระบบคลาวด์ และบริการสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์อีกด้วย
Meituan – 6.80%
ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อผู้บริโภคและผู้ค้า โดยให้บริการ แบบครบวงจรทั้ง บริการจัดส่งอาหาร, บัตรกำนัล คูปอง และตั๋วที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและโรงแรม, บริการขนส่งพัสดุ และบริการอื่น ๆ รวมถึงบริการทางด้านการเงิน เช่น การชำระเงินออนไลน์ และสินเชื่อรายย่อย ตลอดจนบริการเรียกรถและบริการจักรยานสาธารณะ (Bike-sharing)
Alibaba – 5.20%
ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี โดยดำเนินการผ่าน 4 ภาคส่วน ได้แก่ Core Commerce, Cloud Computing, Digital Media and Entertainment และ Innovation Initiatives และอื่น ๆ บริษัทให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ เช่น Taobao, Alibaba.com, AliExpress, 1688.com และ Lazada รวมถึงให้บริการด้านความบันเทิงผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Youku แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์, และ Alibaba Pictures
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในประเทศจีน และหมวดอุตสาหกรรม Consumer Discretionary, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน ไม่น้อยกว่า 75% ของเงินลงทุนต่างประเทศ)
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของกองทุน K-CHINA-A:
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ: 1.0700%
- ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee): 1.50%
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวม: 1.1803%
เงินลงทุนขั้นต่ำในการลงทุน K-CHINA-A:
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 500 บาท
ข้อมูลจาก K-CHINA-A Fund Factsheet ณ วันที่ 30 ก.ย. 2564
อ่านเพิ่มเติม รีวิวกองทุน K-CHINA-A(A): โตไปกับ “พลังเงิน” ของคนจีน จุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้จีนก้าวขึ้นสู่มหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก
ซื้อกองทุน K-CHINA-A(A), K-CHINA-A(D) คลิก
P-CGREEN
กองทุน P-CGREEN หรือ Phillip China Green Energy and Environment จาก บลจ.ฟิลลิป (PAMC) มีนโยบายลงทุนในกองทุน KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยกองทุน P-CGREEN จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
นโยบายการลงทุนกองทุนหลัก: มีวัตถุประสงค์ลงทุนอย่างน้อย 80% ของ สินทรัพย์รวมในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี MSCI China IMI Environment 10/40 ซึ่งเป็นดัชนีที่ติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทในประเทศจีนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
กลยุทธ์การลงทุนกองทุนหลัก: ลงทุนในบริษัทในประเทศจีนที่มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจผลิตสินค้าและบริการที่ได้รับประโยชน์จากการรักษาสิ่งแวดล้อม 5 กลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มพลังงานทางเลือก (Alternative Energy), การพัฒนาและการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน (Sustainable Water), การออกแบบอาคารที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Green Building), การป้องกันมลพิษ (Pollution Prevention) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency)
ทำไมต้องเป็น P-CGREEN?
จุดเด่นของกองทุน P-CGREEN รวบรวมโดย FINNOMENA Investment Team
- เป็นกองทุน All China ที่ไม่ยึดติดสัดส่วนการลงทุนกับดัชนีอ้างอิง (Benchmark) ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) ให้กับพอร์ตการลงทุน และมีกลยุทธ์การลงทุน High Conviction
- Howard Wang (ผู้จัดการกองทุนหลัก) มีประสบการณ์การลงทุนในประเทศจีนยาวนานกว่า 26 ปี และได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับ AAA จาก Citiwire จากผลตอบแทนระยะยาวที่โดดเด่น
- เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มหุ้นเติบโตทั้ง Technology และ Healthcare ซึ่งมีโอกาสเติบโตสูงและตรงกับมุมมองการลงทุนของ FINNOMENA Investment Team
สัดส่วนการลงทุน
Sectors Allocation ของ P-CGREEN (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2565)
ที่มา: KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF Factsheet
Top 10 Holdings ของ P-CGREEN (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2565)
ที่มา: KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF Factsheet
รีวิวหุ้น 3 อันดับแรก
Contemporary A-A – 8.84%
ผู้จัดจำหน่ายแบตเตอรี่ค้นคว้า พัฒนา ผลิตและจัดจำหน่ายด้วยตนเอง มีผลิตที่เป็นหัวใจในโลกปัจจุบันอย่างแบตเตอรี่ลิเธียม แบตเตอรี่ต่าง ๆ ซึ่งถูกนำไปใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าอุตสาหกรรมมาแรงแห่งอนาคตซึ่งมีแนวโน้มเติบโตได้สูง
BYD – 7.13%
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่วอเรนน์ บัฟเฟตต์นักลงทุนระดับโลกเคยเข้าลงทุน มีจุดเด่นในตนเองเหนือผู้ผลิตคู่แข่งรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่น ๆ อย่างการผลิตแบตเตอรี่และชิปต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง เรียกได้ว่าเล่นเองจบเองม้วนเดียวจบไม่ต้องไปง้อใครหรือต้องมีต้นทุนเพิ่มเติม
NIO – 6.62%
บริษัทผู้ออกแบบ ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ผสานรวมกับ Next Generation Technology และปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับการผลิต ES8 ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ (SUV) นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการให้บริการโซลูชันการชาร์จรถยนต์ ซึ่งรวมถึงบริการ Power Home, Power Swap, Power Mobile และ Power Express
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในประเทศจีน และหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค (สินค้าฟุ่มเฟือย) 40.49% เทคโนโลยีสารสนเทศ 20.36%, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน)
ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของกองทุน P-CGREEN:
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ: 1.4908%
- ค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee) และ Switching-in: 1.50%
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวม: 1.6389%
เงินลงทุนขั้นต่ำในการลงทุน P-CGREEN:
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท
ข้อมูลจาก P-CGREEN Fund Factsheet ณ วันที่ 30 ก.ย. 2565
ช่วงนี้กองจีนกำลังมาแรงใครสนใจลงทุนหุ้นถูกนานทีมีหนก็ลองคิดดูกันได้นะ
— planet 46.
อ้างอิง
- https://www.ktam.co.th/document_fund/fundfactsheet/Factsheet_th_KT-Ashares-A.pdf
- https://www.kasikornasset.com/FundDocument/Fund_Fact_Sheet/K-CHINA-A(A).pdf
- https://www.kasikornasset.com/FundDocument/Fund_Fact_Sheet/K-CHINA-A(D).pdf
- https://static1.squarespace.com/static/5b763853266c075695c73c0a/t/6119cd9f06598f24a3492294/1629080998959/P-CGREEN_Factsheet_202106.pdf
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”