ใครที่มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะลงช่วงเลือกตั้ง ปธน. หรือ FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ย มาทางนี้ +++
ขอนำเสนอกองทุน ETF ต่างประเทศที่อ้างอิงดัชนี S&P 500 ในทางตรงกันข้าม (Inverse S&P 500) หรือ Short S&P 500 นั่นเอง ซึ่งกองทุนนี้จะพยายามสร้างผลตอบแทนที่สวนทางกับดัชนี S&P500 ภายในวัน นั่นหมายถึง ถ้า S&P 500 ขึ้น 2% กองทุนนี้จะ -2% ในทางกลับกัน ถ้า S&P500 -3% กองทุนนี้จะได้กำไร 3% ซึ่งในที่นี่คือ -1 เท่า (-1x) ของ S&P500
โดยกองทุนที่ว่านี้เป็นของ ProShares ชื่อกองทุน Short S&P500 รหัสใน Bloomberg คือ SH:US
(ข้อมูลกองทุนดูได้ที่ http://www.proshares.com/funds/sh.html)
วัตถุประสงค์การลงทุนคือ ทำผลตอบแทนให้ได้ –1x ของผลตอบแทน S&P500 ดังแสดงในกราฟ ที่ผลตอบแทนกองทุนจะผกผันกับดัชนี S&P500
แต่ทางนักลงทุนต้องการความเร้าใจมากขึ้นก็จะมีกองทุน -2x (-2 เท่าของ S&P500) ของค่ายเดียวกัน
ที่ชื่อ ProShares UltraShort S&P500 รหัสใน Bloomberg คือ SDS:US
(ข้อมูลกองทุนดูได้ที่ http://www.proshares.com/funds/sds.html)
นอกจากนี้ยังไม่พอ หากต้องการความเร้าใจแบบสุดๆ ก็เป็นกองทุน -3x (-3 เท่าของ S&P 500) จากค่ายนี้เหมือนกัน
ชื่อ ProShares UltraPro Short S&P500 รหัสใน Bloomberg คือ SPXU:US
(ข้อมูลกองทุนดูได้ที่ http://www.proshares.com/funds/spxu.html)
กราฟเปรียบเทียบ ทั้ง 3 กองทุนกับ S&P500 จะสังเกตว่าช่วง 1 ปี ย้อนหลัง S&P500 ขึ้นมา SH:US ก็ขาดทุน 1 เท่า, SDS:US ขาดทุน 2 เท่า และ SPXU:US ขาดทุน 3 เท่า
หากสนใจลงทุนต่างประเทศ สามารถศึกษาและดูรายละเอียดได้ที่
http://www.dbsvitrade.com/brokerpage/004/web/overseastrading.htm
ข้อดีของกองทุน ETF คือซื้อขายได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่งในตลาดหุ้น ไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีอนุพันธ์ เพียงเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศเท่านั้นเอง
ข้อดีที่สำคัญคือ ลงทุนลงไปเท่าไร หากขาดทุนก็เท่ากันเงินที่ซื้อหุ้นไป ขณะที่ถ้าเป็นบัญชีอนุพันธ์ Short S&P500 ต้องคอยกังวลว่าจะต้องเติมเงินเผื่อกรณีที่มีการเรียกหลักประกันเพิ่ม และเสี่ยงต่อการถูก Force sell ถ้าขาดทุนเลยหลักประกันครับ
อนึ่ง การลงทุนลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุน