จีนกลายเป็นประเทศที่หลายคนเชื่อว่าเป็นยักษ์ใหญ่ของโลกในอนาคตโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เร็วที่สุดนักลงทุนจึงให้ความสนใจต่อตลาดหุ้นจีนที่มีศักยภาพเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในบทความนี้จะกล่าวถึงลักษณะของตลาดหุ้นจีน และหุ้นจีนดาวเด่นยอดนิยม
ตลาดหุ้นจีน คืออะไร? แนวโน้มเป็นแบบไหน?
ตลาดหุ้นจีนประกอบด้วย 4 ตลาด คือ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SSE) ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น (SSZE) และ ตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่ง ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนพฤษจิกายน 2021 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรม SMEs นอกจากนี้ยังรวมไปถึงตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HESK) ที่บริษัทจีนหลายแห่ง เช่น Tencent เลือกที่จะอยู่ในตลาดนี้
อ้างอิงจากข้อมูลของ Stata ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของจีนคือ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SSE) โดยมีมูลค่าตลาดเป็นอันดับ 3 ของโลกที่ 6.99 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากรวมมูลค่าของทั้ง 3 ตลาดจีนเข้าด้วยกัน มูลค่าตลาดทั้งหมดจะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกที่ 12.21 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในตลาดหุ้นจีนและโอกาสในการลงทุนที่มีมหาศาล
รูปแบบหุ้นจีนมีอะไรบ้าง?
หุ้นจีนประกอบไปด้วย A-Share, B-Share, H-Share, Red-Chip, P-Chip, และ ADRs โดยนักลงทุนจะลงทุนในหุ้นกลุ่ม A-Share H-Share และ China ADRs เป็นหลัก
A-Share เป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีฐานธุรกิจในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SSE และ SSZE นอกจากนี้หุ้นกลุ่ม A-Share เป็นหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าทางตลาดมากที่สุดในทุกดัชนีของตลาดหุ้นจีน ใช้สกุลเงินหยวนในการซื้อ-ขายและให้นักลงทุนสัญชาติจีนและนักลงทุนสถาบันต่างชาติลงทุนได้เท่านั้น
B-Share เป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีลักษณะเหมือนกลุ่ม A-Share แต่อนุญาติให้นักลงทุนต่างชาติลงทุนได้และใช้สกุลเงินดอลลาร์ ในการซื้อ-ขาย
H-Share เป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีฐานธุรกิจในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่จัดตั้งบริษัทนอกประเทศจีนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง หุ้นกลุ่มนี้เป็นที่นิยมของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากต้องปฎิบัติตามมาตรฐานของฮ่องกง ที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางตลาดเงินตลาดทุนของโลก
Red-Chip เป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีฐานธุรกิจในจีนแผ่นดินใหญ่ จัดตั้งบริษัทนอกประเทศจีนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง แต่มีรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้นด้วย หุ้นกลุ่มนี้อาจเป็นบริษัทขนาดกลางหรือเล็กก็ได้
P-Chip เป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีลักษณะเหมือนกลุ่ม Red-Chip แต่ไม่มีรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้น
ADRs ย่อมาจาก American Depository Reciepts ซึ่งหมายถึงตราสารสิทธิ์ในการออกหุ้นในสหรัฐอเมริกา หมายความว่าเป็นหุ้นกลุ่มบริษัที่ทมีฐานธุรกิจในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ หุ้นส่วนใหญ่เป็นหุ้นประเภทเทคโนโลยีของจีน เนื่องการจดทะเบียนที่สหรัฐฯมีกฎเกณฑ์น้อยกว่าที่จีน และขยายฐานนักลงทุนต่างชาติให้ซื้อ-ขายได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างหุ้นจีนที่น่าสนใจ
- Tencent เป็นบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของจีน ทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีแอพลิเคชั่นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในหมวด Entertainment ตัวอย่างเช่น Wechat, RoV, Pubg, Joox และ WeTV โดยหุ้น Tencent มีรูปแบบ H-Share และ ADRs
- Kweichow Moutai เป็นแบรนด์สุราระดับพรีเมียมอันดับ 1 ของจีน ที่มีประวัติมายาวนานกว่า 2,000 ปี โดยหุ้น Kweichow Moutai จดทะเบียนในตลาดหุ้น A-Share
- Alibaba เป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์ชื่อดังของจีน หรือก็คือ E-Commerce นอกจากนี้ยังเป็นธุรกิจรับชำระเงิน โฆษณา และ คลาวด์ โดยหุ้น Alibaba จดทะเบียนในตลาดหุ้น H-Share และ ADRs
- BYD เป็นยักษ์ใหญ่รถยนต์ไฟฟ้าของจีน ครอบคลุมทั้งยานยนต์ไฟฟ้า, พลังงานทดแทน,โมโนเรล หรือรถไฟฟ้ารางเดี่ยว และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่าเป็นอันดับ 3 ของโลก ในปี 2021 โดยหุ้น BYD จดทะเบียนในตลาดหุ้น A-Share
- Meituan หรือ Meituan Dianping เป็นธุรกิจแพลตฟอร์มสั่งอาหารอันดับ 1 ของชาวจีน มีฟีเจอร์มากมายทั้งการรีวิวร้านเด็ด สั่งอาหาร และชำระเงิน โดยหุ้น Meituan จดทะเบียนในตลาดหุ้น H-Share และ ADR
จะเห็นได้ว่าหุ้นบางบริษัทมี 2 รูปแบบ กล่าวคือมีการจดทะเบียนใน 2 ตลาด หรือที่เรียกว่า Dual List Company ทำให้แม้เป็นหุ้นเดียวกันแต่ราคาอาจไม่เท่ากันได้
ตีแผ่งบการเงินหุ้นจีนยอดนิยม
P/E ratio (อัตราส่วนราคาต่อกำไร)
P/E ในปัจจุบันเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมของหุ้นคือ
ค่า P/E ratio หรืออัตราส่วนราคาต่อกำไร คืออัตราส่วนของราคาหุ้นของบริษัทกับกำไรต่อหุ้นของบริษัท โดยปกติแล้ว P/E ต่ำ หมายถึง ระยะเวลาคืนทุน เร็วกว่าหุ้นตัวอื่น โดยเปรียบเทียบ
จากข้อมูล ค่า P/E ratio ของหุ้นจีนที่กล่าวถึงมีค่าน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม ยกเว้น BYD ค่าดังกล่าวสะท้อนว่า หุ้นจีนที่กล่าวถึงส่วนใหญ่มีระยะเวลาคืนทุนเร็วกว่าโดยเฉลี่ยในอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงดีต่อการลงทุน
นอกจากนี้ หุ้นเหล่านี้ยังมีประวัติการซื้อหุ้นคืน เช่น Alibaba และTencent ประกาศซื้อหุ้นคืนในเดือน มี.น 2565 เช่นเดียวกับ BYD ที่ประกาศซื้อหุ้นคืนเมื่อวันที่ 13 ก.คที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ค่า P/E ที่ตํ่า และการซื้อหุ้นคืน เป็นปัจจัยดีในการลงทุน แต่ควรพิจารณาปัจจัยอื่นด้วยเช่นกัน
P/BV ratio (ราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี)
P/BV ในปัจจุบันเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมของหุ้นคือ
ค่า P/BV ratio หรือราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี คือ สัดส่วนทางการเงินที่เปรียบเทียบระหว่าง ราคาหุ้นกับ มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (book value Per Share) P/BV มากกว่า 1 หมายถึงหุ้นมีราคาค่อนข้างแพง ทั้งนี้นักลงทุนอาจจะกำลังมองว่าหุ้นตัวนี้อาจจะทำกำไรได้มากขึ้นในอนาคต
แต่ถ้าตํ่ากว่า 1 ถือว่าน่าลงทุน
จากข้อมูล ค่า P/BV ratio ของหุ้นจีนที่กล่าวถึงมีค่ามากกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม ยกเว้น Alibaba จึงอาจกล่าวได้ว่าหุ้นจีนกล่าวถึงส่วนใหญ่มีราคาแพง
รายได้และอัตราสุทธิ
จากข้อมูล รายได้และกำไรสุทธิ มีแนวโน้มเติบโตดีในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าหุ้นจีนที่กล่าวถึงทั้งหมด Meituan มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กำไรสุทธิ ส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มเติบโตดี
ดัชนีหลักของหุ้นจีน
เมื่อหุ้นจีนถูกจดทะเบียนในหลายตลาด ทำให้นักลงทุนลังเลในการตัดสินใจลงทุน ฉะนั้นดัชนีหลักของหุ้นจีนแบ่งออกเป็น 4 ดัชนีหลัก ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนดังนี้
1.MSCI China Index เป็นดัชนีที่ครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางในตลาดทุนจีน รวมทั้งสิ้น 700 กว่าหุ้น หรือประมาณ 85% ของหุ้นทั้งหมดในตลาดจีน ไม่ว่าจะเป็น A-Shares B-Shares H-Shares Red-Chips P-Chips หรือ ADRs
2.CSI 300 Index เป็นดัชนีหุ้นที่สะท้อนผลการดำเนินงานของหุ้น A-Share 300 อันดับแรกที่ซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้กับตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้น
3.STAR50 Index มีชื่อเต็มว่า SSE Science and Technology Innovation Board 50 Index เป็นดัชนีหุ้นที่ประกอบด้วยหุ้น 50 อันดับแรกที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงสุดละมีสภาพคล่องดีที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ กล่าวคือเป็นดัชนี NASDAQ ของจีน ที่มีเป้าหมายสะท้อนประสิทธิภาพโดยรวมของบริษัทเทคโนโลยีนวัตกรรมชั้นนำของจีน
4.Hang seng Tech Index เป็นดัชนีหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง 30 จำนวน โดยเน้นไปที่บริษัทเทคฯจีนชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง มีความคล้ายคลึงกับดัชนี NASDAQ เช่นเดียวกับดัชนี STAR50
จะเห็นได้ว่า นอกจากหุ้นจีนจะเป็นที่นิยมในสายตานักลงทุนทั่วโลกแล้ว ยังมีรายละเอียดซับซ้อนที่ทุกคนควรทราบ เช่น การแบ่งประเภทหุ้นจากตลาดจดทะเบียนที่แตกต่างกันไป เราอาจซื้อหุ้นนี้ได้ 2ตลาด หรือตลาดเดียวก็ได้ นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังมีอิทธิพลที่ไม่เหมือนตลาดหุ้นทั่วไป เช่น การแทรกแซงธุรกิจอย่างเบ็ดเสร็จจากภาครัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างชัดเจน ฉะนั้นผู้ที่ลงทุนในหุ้นจีนจึงต้องศึกษาโดยละเอียด
ที่มา:
https://passiveway.com/china-stock-thematic-etf/
https://www.blockdit.com/posts/6030e0639664610bca864e3e