ตั้งแต่ต้นมานี้ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงเหนือกว่าตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก แต่เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียด กลับพบว่าเป็นการเพิ่มขึ้นแบบกระจุกตัว นำโดยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่แค่ 7 ตัวเท่านั้น คือ Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon, META, Tesla และ Nvidia
หุ้นเทคโนโลยี 7 ตัวนี้ มีน้ำหนักต่อดัชนี S&P 500 สูงถึง 27% และมีน้ำหนักต่อ Nasdaq 100 ถึง 55% พอหุ้นพวกนี้แกว่งขึ้นลง จึงมีอิทธิพลต่อดัชนีหุ้นสหรัฐฯ มากทีเดียว
เลยมีคนบัญญัติศัพท์ขึ้นมาใหม่เพื่อใช้เรียกหุ้น 7 ตัวนี้ว่า The Magnificent Seven ขออนุญาตแปลเอาเองเป็นคำไทยเท่ ๆ ว่า “7 หุ้นเทพ” ก็แล้วกันครับ
The Magnificent Seven คืออะไร?
คือ หุ้น 7 ตัวที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ทำให้การเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มนี้จึงมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนีหุ้นสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก
คำว่า The Magnificent Seven เพิ่งถูกหยิบมาพูดถึงในปี 2023 นี้เอง เพราะกระแสการเติบโตของเทคโนโลยี AI ซึ่งหุ้นทั้ง 7 ตัว ถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกที่ได้ประโยชน์เต็ม ๆ จาก AI
จึงถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคต มีโอกาสสร้างผลกำไรอย่างมหาศาลจากเทคโนโลยี AI และกำลังจะครองโลกในเฟสถัดจากนี้ไปอีกยาว ๆ
The Magnificent Seven มีหุ้นอะไรบ้าง?
เอาจริง ๆ แล้ว ทุกบริษัทล้วนเป็นที่รู้จักของทุกคนกันดีอยู่แล้ว แทบจะไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ดังนั้นเราเลยสรุปเพียงประเด็นสำคัญ และตัวเลขที่น่าใจมาฝาก
Source: Tradingview as of 19/07/2023
1. Apple (AAPL)
ผลประกอบการปี 2022 และตัวเลขที่สำคัญ ณ 21 ก.ค. 2023
- รายได้รวม 394,328 ล้านดอลลาร์
- กำไรสุทธิ 99,803 ล้านดอลลาร์
- อัตรากำไรสุทธิ 25.31%
- Market Cap. 3,068,670.00 ล้านดอลลาร์
- P/E 31.91 เท่า
- ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี +48.70%
2. Microsoft (MSFT)
ผลประกอบการปี 2022 และตัวเลขที่สำคัญ ณ 21 ก.ค. 2023
- รายได้รวม 198,270 ล้านดอลลาร์
- กำไรสุทธิ 72,738 ล้านดอลลาร์
- อัตรากำไรสุทธิ 36.69%
- Market Cap. 2,579,148 ล้านดอลลาร์
- P/E 35.91 เท่า
- ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี +47.89%
3. Alphabet (GOOGL)
ผลประกอบการปี 2022 และตัวเลขที่สำคัญ ณ 21 ก.ค. 2023
- รายได้รวม 282,836 ล้านดอลลาร์
- กำไรสุทธิ 59,972 ล้านดอลลาร์
- อัตรากำไรสุทธิ 21.2%
- Market Cap. 1,504,470.89 ล้านดอลลาร์
- P/E 26.49 เท่า
- ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี +38.15%
4. Amazon (AMZN)
ผลประกอบการปี 2022 และตัวเลขที่สำคัญ ณ 21 ก.ค. 2023
- รายได้รวม 513,983 ล้านดอลลาร์
- กำไรสุทธิ -2,722 ล้านดอลลาร์
- อัตรากำไรสุทธิ -0.53%
- Market Cap. 1,333,851.98 ล้านดอลลาร์
- P/E 317.07 เท่า
- ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี +55.43%
5. Meta Platforms (META)
ผลประกอบการปี 2022 และตัวเลขที่สำคัญ ณ 21 ก.ค. 2023
- รายได้รวม 116,609 ล้านดอลลาร์
- กำไรสุทธิ 23,200 ล้านดอลลาร์
- อัตรากำไรสุทธิ 19.9%
- Market Cap. 754,108.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- P/E 38.17 เท่า
- ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี +154.97%
6. Tesla (TSLA)
ผลประกอบการปี 2022 และตัวเลขที่สำคัญ ณ 21 ก.ค. 2023
- รายได้รวม 81,462 ล้านดอลลาร์
- กำไรสุทธิ 12,583 ล้านดอลลาร์
- อัตรากำไรสุทธิ 15.45%
- Market Cap. 824,133.35 ล้านดอลลาร์
- P/E 84.42
- ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี +147.61%
7. Nvidia (NVDA)
ผลประกอบการปี 2022 และตัวเลขที่สำคัญ ณ 21 ก.ค. 2023
- รายได้รวม 26,914 ล้านดอลลาร์
- กำไรสุทธิ 9,752 ล้านดอลลาร์
- อัตรากำไรสุทธิ 36.23%
- Market Cap.1,094,432.33 ล้านดอลลาร์
- P/E 229.58
- ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี +219.80%
สามารถดูข้อมูลหุ้นทุกตัวเพิ่มเติมได้ที่ www.finnomena.com/stock/
Nasdaq 100 ต้อง Rebalance รอบพิเศษ เพราะ The Magnificent Seven
การปรับขึ้นอันร้อนแรงและกระจุกตัวแค่ใน Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon, META, Tesla และ Nvidia ทำให้ดัชนี Nasdaq 100 รวนไปหมด จึงได้ประกาศทำการ Rebalance รอบพิเศษในวันที่ 24 กรกฎาคม 2023 นี้ เพื่อรักษาน้ำหนักของหุ้นให้เหมาะสม และไม่มากจนเกินไป เนื่องด้วยก่อนหน้านี้ Magnificent Seven มีผลต่อน้ำหนัก Nasdaq 100 ถึง 55%
การปรับสมดุลนี้ ทำให้น้ำหนักของหุ้น The Magnificent Seven ต่อ Nasdaq 100 ถูกปรับลดลง ส่วนกองทุนที่ลงทุนล้อตามดัชนี Nasdaq 100 จะต้องขายหุ้นหลักที่ถืออยู่ตามดัชนีออกไป และซื้อหุ้นตัวอื่นเข้ามาในพอร์ต
นักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุน Nasdaq 100 จะพบว่าพอร์ตมีการเปลี่ยนแปลงไป และมีค่าใช้จ่ายจากการซื้อขายหุ้นเพื่อรีบาลานซ์ รวมถึงมีภาษีจ่ายจากการขายหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก แต่คาดว่าจะกระทบผลการดำเนินงานกองทุนเล็กน้อย
นักลงทุนทั่วไปในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะได้ผลกระทบทางอ้อม เนื่องจากหุ้นในตลาดที่ถูกซื้อ-ขายเป็นจำนวนมากกว่าพันล้านเหรียญ
– อ่านบทความอื่นที่เกี่ยวข้อง: Rebalance รอบพิเศษ “Nasdaq 100 Index” ผลกระทบต่อนักลงทุน?
แหล่งข้อมูล
- Jim Cramer names his ‘Magnificent Seven’ stocks that are the real deal, Julie Coleman, CNBC
- The Nasdaq-100 Index Special Rebalance to be Effective July 24, 2023, NASDAQ
คำเตือน: ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต