มอง "ตลาดหุ้นจีน" ผ่านสายตา Ray Dalio

Ray Dalio (เรย์ ดาลิโอ) ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates เฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่มีประสบการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นจีนมายาวนานกว่า 40 ปี เจอมาแล้วทั้งช่วงขาขึ้น ช่วงวิกฤต แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยการกระจายเงินลงทุนอย่างเหมาะสม

มอง "ตลาดหุ้นจีน" ผ่านสายตา Ray Dalio

“พายุร้ายในรอบ 100 ปี” คือคำนิยามที่ Ray Dalio เขียนผ่าน LinkedIn ส่วนตัว เพื่ออธิบายสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับจีนตอนนี้ แต่ก็เป็นช่วงเวลาทองที่จะเข้าซื้อหุ้นจีนเช่นกัน!

ตลาดหุ้นจีนกำลังเผชิญความท้าทายอย่างจริงจัง และเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้น ได้แก่

  • การก่อหนี้สินก้อนใหญ่ของภาคอสังหาริมทรัพย์
  • ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางฐานะที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
  • ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา
  • ผลกระทบจากภัยแล้ง น้ำท่วม โรคระบาด
  • Tech War สงครามเทคโนโลยีที่ต้องการผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว

 

ผมมองว่ารัฐบาลจีนต้องทำ 2 สิ่งควบคู่กันไป
หนึ่งคือ… ปรับโครงสร้างหนี้สินให้อัตราส่วนลดลง (debt restructuring)
สองคือ… ผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน (quantitative easing)
มิเช่นนั้นในท้ายที่สุดจีนอาจต้องเผชิญกับทศวรรษสูญหาย หรือ Lost Decade คล้ายกับญี่ปุ่น

– Ray Dalio –

Ray Dalio ChinaSource: Linkedin, Ray Dalio, Looking Back on the Last 40 Years of Reforms in China

จีนจะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ภายใต้ผู้นำที่เฉลียวฉลาดและกล้าหาญ ขณะเดียวกันเขาก็เห็นความพยายามของรัฐบาลจีนที่กำลังทำบางสิ่งบางอย่างแบบ Beautiful deleveraging ด้วยวิธีการที่ไม่ให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว

หากย้อนดูตลอดช่วงประวัติศาสตร์ 100 ปี จีนสามารถปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ และพัฒนาระบบการเงินให้มีประสิทธิภาพขึ้นเรื่อย ๆ

ตั้งแต่ช่วงปี 1930 – 1945: เกิดพายุใหญ่จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก, สงครามกลางเมืองในประเทศ, ความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจในสงครามโลก, เจอภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายครั้ง จนนำไปสู่วิกฤตหนี้สินและเศรษฐกิจล่มสลาย

ช่วงปี 1949 – 1978: การขึ้นมากุมอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย “เหมา เจ๋อตุง” ที่เน้นความเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ขาดความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี กระทั่งปี 1978 จึงเข้าสู่ยุคปฏิรูปเศรษฐกิจโดย “เติ้ง เสี่ยวผิง” จีนเบ่งบานแบบก้าวกระโดด

ช่วงปี 2012 – ปัจจุบัน: จีนยุคใหม่ของ “สี จิ้นผิง” ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย ไล่มาตั้งแต่การปฏิรูปตลาดทุน กำจัดการทุจริต รวบอำนาจกลับสู่มือผู้นำ และที่สำคัญคือการก้าวขึ้นมาเป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจและการเมืองกับสหรัฐฯ บรรจบกับช่วงโควิด นำมาสู่พายุลูกใหม่ที่ทำให้เศรษฐกิจจีนหยุดชะงัก

แน่นอนว่าปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้าจีนนั้นกวนใจนักลงทุนทั่วโลก ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนขาดทุนกว่า $10 ล้านล้าน ดึงมูลค่าหุ้นจีนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี

แต่เขากลับคิดต่างออกไปว่านี่คือ “ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงทุนหุ้นจีน” เพราะได้เรียนรู้สำนวนที่ว่า blood in the streets จงซื้อเมื่อตลาดร่วงลงอย่างรุนแรงจนทุกคนเกลียดและมีราคาถูก ซึ่งภาพของจีนในปัจจุบันเป็นเช่นนั้น

นอกจากนี้ จีนยังคงเป็นชิ้นส่วนสำคัญของการจัดพอร์ตการลงทุน เพื่อใช้กระจายความเสี่ยง และคานความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากเป็น 2 ประเทศที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ มากที่สุดในโลก

สุดท้ายนี้ Ray Dalio ฝากเอาไว้ว่าคำถามสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเราควรลงทุนหุ้นจีนหรือไม่… แต่ควรถามว่าควรลงทุนที่สัดส่วนเท่าไหร่มากกว่า

และเหตุผลเหล่านี้ก็เป็นมุมมองส่วนตัวจากประสบการณ์ของเขา และก็ยอมรับว่ายังไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดอย่างถ่องแท้ เพราะฉะนั้น คนอื่นไม่จำเป็นต้องคิดแบบนี้ก็ได้ การตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาตามบริบทของตัวเอง


แหล่งข้อมูลอ้างอิง

TSF2024