ความยากของการลงทุนทุกวันนี้ คือการที่สถานการณ์ตลาดเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และยังมีตัวแปรต่าง ๆ มากมาย ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนที่ดีจึงต้องประกอบไปด้วยทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์”
ศาสตร์แห่งการลงทุน คือ ความรู้ในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค วิธีประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่เหมาะสม ตลอดจนมีกระบวนการตัดสินใจที่ชัดเจนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพเติบโตสูง ไม่ให้ความรู้สึกกับอารมณ์เข้าครอบงำ เพื่อการตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล
ขณะเดียวกันต้องควบคู่กับการมี ศิลปะแห่งการลงทุนด้วย นั่นคือการไม่ยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เมื่อปัจจัยเปลี่ยนก็ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ และเข้าใจธรรมชาติของโลกการลงทุน รู้ว่าจังหวะไหนควรที่จะ “รุก” “คอย” หรือ “ถอย” นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการคาดเดาอารมณ์ของคนในตลาดอีกด้วย
ด้วยโลกของการลงทุนเป็นสิ่งที่ไม่หยุดนิ่ง และมีพัฒนาการอยู่เสมอ นักลงทุนที่ดีจึงต้องผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์ เพื่อสร้างกรอบกลยุทธ์การลงทุนในการคัดเลือกสินทรัพย์ เพื่อการจับจังหวะตลาดอย่างแม่นยำ และการทำใจเป็นกลางปราศจากอคติ ย่อมมองเห็นช่องทางได้กระจ่างกว่าเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ดี บางคนเก่งคัดเลือกสินทรัพย์ แต่ไม่ถนัดจับจังหวะตลาด จึงเหมาะเฉพาะกับกลยุทธ์การลงทุนในระยะยาว ทำให้อาจจะพลาดโอกาสสร้างผลกำไรในระยะกลาง ส่วนบางคนคาดการณ์แนวโน้มตลาดเก่งมาก แต่ไม่ถนัดคัดเลือกสินทรัพย์ที่ดี จึงหันไปมุ่งเน้นเก็งกำไรระยะสั้นแทน ซึ่งแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูง และไม่สามารถวิเคราะห์การลงทุนได้รอบครอบครบทุกมิติ
MEVT Call ช่วยคัดกองทุนขั้นเทพ ด้วยจังหวะที่ถูกต้อง
FINNOMENA Investment Team มองเห็นถึงข้อจำกัดตรงนี้ของนักลงทุน จึงได้ออกแบบคำแนะนำการลงทุนรูปแบบใหม่ “MEVT Call” ที่มองทั้งเรื่องศาสตร์และศิลป์ ซึ่งจะเข้ามาช่วยให้คุณคว้าทุกโอกาสการลงทุน และสามารถตัดสินใจได้ถูกที่ถูกเวลา
โดยมีกระบวนการคัดเลือกสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโต ด้วยการวิเคราะห์จุดเข้าซื้อด้วยปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เพื่อคัดกรองกองทุนรวมที่ดีที่สุดในแต่ละช่วงเวลา ที่สำคัญคือจะมีการแจ้งเตือนจุดออก (Exit Strategy) เมื่อปัจจัยต่าง ๆ เปลี่ยนไป ผ่านกรอบการลงทุน 4 ด้าน ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า M-E-V-T ได้แก่
- Macro คือ ปัจจัยเชิงมหภาค เงินเฟ้อ นโยบายการเงินและการคลัง ประชากรศาสตร์ การเมืองระหว่างประเทศ และอื่น ๆ ที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนทิศทางเศรษฐกิจ เพื่อหาโอกาสการลงทุนที่เหมาะสมบนปัจจัยมหภาคที่สนับสนุนการเติบโต
- Earnings คือ วิเคราะห์การเติบโตของกำไร แนวโน้มการปรับประมาณการกำไร และงบดุลของบริษัทจดทะเบียนนั้น ๆ เพื่อพิจารณาถึงการรับรู้ของนักวิเคราะห์ต่อแนวโน้มที่ดีหรือแย่ของเศรษฐกิจ ซึ่งจะสนับสนุนปัจจัยการลงทุนในแง่อื่น ๆ เช่น เชิง valuation และ fund flow เป็นต้น
- Valuation คือ การวิเคราะห์มูลค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุน ว่ามีความน่าสนใจมากเพียงใด เพื่อนำไปสู่คำแนะนำเข้าลงทุนในระดับราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้
- Technical คือ ปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ปัจจัยเชิงพื้นฐาน เช่น fund flow, sentiment, seasonal statistic และ technical analysis เพื่อพิจารณาให้รอบด้าน ซึ่งจะช่วยนำไปสู่โอกาสการลงทุนที่ดีกว่า
สรุปข้อดี MEVT Call ตัวช่วยนี้เหมาะกับใคร ?
1. คนที่ไม่รู้ว่าช่วงนี้ควรจะลงทุนในกองทุนอะไรดี เพราะได้มีการคัดสรรกองทุนคุณภาพมาให้เลือกลงทุน ซึ่งกลั่นกรองโดย Investment Team จาก FINNOMENA ที่มากประสบการณ์ พิจารณาจากทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยด้านเทคนิค
2. คนที่กำลังกังวลในภาวะตลาด จับจุดเข้าจุดออกไม่ถูก เพียงแค่รอสัญญาณแจ้งเตือน MEVT Call กองทุนเด็ดจาก FINNOMENA พร้อมด้วยคำแนะนำ take profit หรือ stop loss โดยสามารถติดตามผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้ง Facebook, Youtube, Website และ FINNOMENA App
3. คนที่มีเป้าหมายการลงทุนในระยะกลาง 6 – 12 เดือน โดยควรมีเงินเย็นนิ่ง ๆ หรือเงินสดเหลือ ที่ต้องการนำมาลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลกำไรในระยะกลาง
คัดเลือกกองทุนอย่างเมพ ด้วยจังหวะขั้นเทพกับ “MEVT Call”
👉 ลงทุนใน MEVT Call คลิก >>> https://finno.me/mevt-webเปิดบัญชีวันนี้ รับกองทุนฟรี ! 100 บาท มีให้เลือกทั้งตราสารหนี้ จีน เวียดนาม เลือกกองทุนที่ใช่ได้เลย 👉 รับคูปอง คลิก >>> https://finno.me/mevt-oa-pro
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน