ว่ากันว่าปี 2024 เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษของการเข้าลงทุนในกองทุนตราสารหนี้โลก (Global Bond)
เหตุผลง่าย ๆ คือ… การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ส่งผลให้สินทรัพย์อย่างตราสารหนี้มีผลตอบแทนที่น่าสนใจมาก
อีกประการคือ… การเข้าลงทุนในช่วงนี้มีโอกาสที่จะได้รับ Capital gain จากการที่ราคากองทุนตราสารหนี้ขยับตัวสูงขึ้น จากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตหลังจากวิ่งขึ้นสู่จุดพีค
A Once-in-a-Decade Opportunity โอกาสทองของตราสารหนี้
สอดคล้องกับมุมมองการลงทุนของ FINNOMENA FUNDS Investment Team ที่ให้ตลาดตราสารหนี้เป็นธีมหลักของปีนี้ โดยแนะนำลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ทั้งในกลุ่มตราสารหนี้ทั่วโลก, ตราสารหนี้ High-Grade และ Private Credit เพื่อรับผลตอบแทนทั้งจาก Yield และ Capital Gain ที่อาจเกิดขึ้นตลอดปี 2024 ด้วยสาเหตุดังนี้
- เงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง และผลักดันให้ Fed เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในปี 2024
- หลัง Fed ค้างอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตราสารหนี้ (รุ่นอายุเฉลี่ย 6 ปี) มักปรับตัวขึ้นได้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะลงทุนในกรอบ 6 เดือน, 1 ปี, 3 ปี หรือ 5 ปี นักลงทุนสามารถคาดหวังผลตอบแทนได้ 8%, 13%, 10% และ 10% ตามลำดับ (ข้อมูลจาก PGIM Investment as of 13/12/2023)
- Yield ของตราสารหนี้ทุกประเภทอยู่ในระดับสูง (75 ถึง 95 percentile) ในรอบกว่า 10 ปี
- ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตราสารหนี้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ราคาปรับตัวลงกว่า 25% ซึ่งเป็นระดับที่เกือบเท่ากับช่วงเศรษฐกิจถดถอยปี 2022 ในขณะที่โครงสร้างเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง จึงมองเป็นโอกาสการลงทุนที่ดีในรอบหลายปี
แนะนำกองทุนตราสารหนี้โลก KFSINCFX-A
KFSINCFX-A กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลสมาร์ทอินคัมเอฟเอ็กซ์ ชนิดสะสมมูลค่า เป็นกองทุนตราสารหนี้โลก (Global Bond) ที่มีนโยบายการลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund (Class I) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดย PIMCO ถือเป็นบริษัทจัดการกองทุนระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนตราสารหนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีประสบการณ์อันยาวนาน และโดดเด่นในการสร้างความสม่ำเสมอของผลตอบแทน
ปัจจุบันบริหารโดย Dan Ivascyn ผู้บริหารสูงสุดด้านการลงทุนของ PIMCO ที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปี พร้อมกับทีมงานที่มากประสบการณ์อีกหลายท่าน
กลยุทธ์ของกองทุนจะบริหารแบบ Active ด้วยการกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้หลายชนิดทั่วโลก เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้สถาบันการเงิน และตราสารหนี้ภาคเอกชน อย่างน้อย 2 ใน 3 ของ NAV ซึ่งมีจุดประสงค์หลักเพื่อสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ บนความผันผวนที่ต่ำเป็นหลัก
ความน่าสนใจ คือ กองทุนหลัก PIMCO GIS Income มีการปรับพอร์ตอย่าง Dynamic ตามสภาวะตลาดและ Yield ที่ผันผวน เช่น ช่วงที่ดอกเบี้ยขึ้นแรง ๆ กองทุนจะลด Duration ของพอร์ตเหลือประมาณ 2 ปี แต่ช่วงที่ Yield เริ่มขึ้นแรง ก็จะเพิ่ม Duration เป็น 4 ปี
Source: PIMCO GIS Income Fund as of 30/11/2023
นอกจากนี้ ปัจจุบัน KFSINCFX-A ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (unhedged) จึงไม่มีต้นทุน Hedging Cost และเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนของค่าเงินได้
รายละเอียดอื่น ๆ ของ KFSINCFX-A
- ความเสี่ยงระดับ 5
- นโยบายปันผล ไม่จ่าย
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไป 500 บาท
- ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 0.50-1.00% (ขึ้นอยู่กับมูลค่าซื้อขาย)
- ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 0.8560% ต่อปี
- รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.0486% ต่อปี
ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 28/12/2023
จุดเด่นของ KFSINCFX-A กองทุนตราสารหนี้โลก unhedged
จะเห็นว่ากองทุนไทยที่ลงทุนในตราสารหนี้โลกผ่าน PIMCO GIS Income Fund นั้นมีให้เลือกอยู่หลายกอง ซึ่งที่หลายคนคุ้นเคยดีก็อย่างเช่น UGIS-N, UGIS-A เป็นต้น
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ KFSINCFX-A แตกต่างออกไปจากกองทุนอื่น ๆ ก็คือการที่กองทุนเลือกที่จะไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน หรือ unhedged ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องเสีย Hedging Cost ราว ๆ 3%
ในขณะเดียวกันยังมีโอกาสได้รับกำไรส่วนเพิ่มจาก USD/THB อีกด้วย กรณีที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่า เมื่อเทียบกับสกุลเงินบาทที่อ่อนค่าลง
Source: Bloomberg, FINNOMENA FUNDS as of 15/01/2024
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เราลองยกตัวอย่างผลตอบแทนของ PIMCO GIS Income ในสกุลเงินบาท (เส้นกราฟสีดำ) เทียบกับผลตอบแทนกอง UGIS ที่ Hedge ค่าเงิน (เส้นกราฟสีเหลือง) จะเห็นชัดว่า UGIS นั้น Underperform เพราะดอลลาร์แข็งค่า และเสียเปรียบจาก Hedging Cost ที่สูงถึง 3%
หมายเหตุ: KFSINCFX-A จะมีผลตอบแทนเหมือนกับ PIMCO GIS Income ในสกุลเงินบาท (เส้นกราฟสีดำ) ก่อนหักค่า Fee 1%
แต่อย่างไรก็ตาม กองทุน unhedged ย่อมมีความผัวผวนสูงกว่า และมีโอกาสขาดทุนจากความผันผวนของค่าเงิน หากกรณีที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นในอนาคต จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนของค่าเงินได้ด้วยตนเอง
ดังนั้น ถ้าใครรู้สึกกังวลกับการขึ้น ๆ ลง ๆ ของค่าเงิน รับความเสี่ยงได้ต่ำ การเลือกกองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Hedge) เช่น UGIS-N, UGIS-A ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่สบายใจได้มากกว่า
สรุปคำแนะนำกองทุน KFSINCFX-A
- ลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้โลกจาก Fund House ระดับโลกที่เป็นผู้นำในวงการตราสารหนี้ มีกลยุทธ์ลงทุนที่ยืดหยุ่น ปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด ผ่านการพิสูจน์แล้วว่ามีผลงานโดดเด่นกว่ากองทุนกลุ่มเดียวกัน
- โอกาสการลงทุนในรอบ 10 ปีของตราสารหนี้ เมื่อ Yield ทะยานขึ้นสู่จุดพีค และมีโอกาสรับ Capital Gain จากการที่ Fed เตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้
- KFSINCFX-A ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ไม่มี Hedging Cost มีโอกาสได้กำไรเพิ่มหากดอลลาร์แข็ง บาทอ่อน
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ | บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ |สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299