โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ และกำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ถ้าเราจำกัดการลงทุนอยู่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยไม่เหลียวแลที่อื่นเลย เท่ากับว่าเราคงเสียโอกาสการลงทุนอีกมากมายที่รออยู่ทั่วโลก
การกระจายเงินลงทุนไปยังหลากหลายสินทรัพย์ หลากหลายภูมิภาคทั่วโลก จึงเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ดีที่ทุกคนควรทำในการจัดพอร์ต ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกที่สามารถทำได้ก็คือการเลือกลงทุนกับกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนหุ้นทั่วโลก
Highlight (คลิกอ่านเฉพาะหัวข้อที่สนใจได้เลย)
- กองทุนหุ้นโลก คืออะไร
- ทำไมถึงควรลงทุนกองทุนหุ้นโลก
- แนะนำกองทุนหุ้นโลกสายเติบโต
- แนะนำกองทุนหุ้นโลกสายแบรนด์ดัง
- แนะนำกองทุนหุ้นโลกสายรักษ์โลก
- แนะนำกองทุนหุ้นโลกสายพลังงานสะอาด
- สรุปกองทุนหุ้นโลก เลือกกองไหนให้ตอบโจทย์เป้าหมาย
กองทุนหุ้นโลก คืออะไร
กองทุนหุ้นโลก (Global Equity Fund) เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก พูดง่าย ๆ ว่าสามารถลงทุนได้ในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอยู่ทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เวียดนาม รวมถึงไทยด้วย ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนนั้น ๆ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อต้องการค้นหาการลงทุนในธุรกิจที่ดีที่สุดจากทั่วโลก
ประเภทของกองทุนหุ้นโลก นั้นมีทั้งที่มุ่งเน้นกลยุทธ์แบบ Passive Investment และ Active Investment
สำหรับกองทุนแบบ Passive ส่วนใหญ่จะลงทุนล้อตาม 2 ดัชนีสำคัญ ได้แก่
- MSCI World ที่จะรวมเฉพาะหุ้นในตลาด Developed Market เท่านั้น
- MSCI ACWI (All Country World Index) จะมีทั้งหุ้น Developed Market และ Emerging Market รวมอยู่ด้วยกัน
อีกประเภทคือกองทุนแบบ Active ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายตามสไตล์ของผู้จัดการกองทุนแต่ละค่ายเลย แต่ถ้าจะแบ่งให้เห็นภาพชัดขึ้น สามารถจัดกลุ่มได้เป็น 3 สายหลัก ๆ ได้แก่
- สาย Defensive เน้นหุ้นมั่นคง ลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่งมายาวนาน เน้นอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น สินค้าอุปโภค-บริโภค, สินค้าลักชัวรีที่มีแบรนด์ดัง, ธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค เป็นต้น
- สาย Growth เน้นหุ้นเติบโต ลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยนวัตกรรมหรืออยู่ใน Thematic แห่งอนาคต เช่น กลุ่มสินค้าเทคโนโลยี, เซมิคอนดักเตอร์, เอไอ, วิทยาศาสตร์สุขภาพ, เทคโนโลยีการเงิน, แบตเตอร์รี่และอีวี, เมตาเวิร์ส, คลาวด์ และอีคอมเมิร์ส เป็นต้น
- สาย ESG เน้นหุ้นยั่งยืน ลงทุนในบริษัทที่มีแนวทางการทำธุรกิจโดยยึดหลักความยั่งยืน ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในมิติต่าง ๆ เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันในระยะยาว
ทำไมถึงควรลงทุนกองทุนหุ้นโลก
1. ช่วยกระจายพอร์ตการลงทุนไปทุกภูมิภาคทั่วโลก
การกระจายเงินไปลงทุนในหลากประเทศ หลายภูมิภาค สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนแบบกระจุกตัวในประเทศเดียว โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจของประเทศใดประเทศหนึ่งเกิดภาวะวิกฤต จนอาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของสินทรัพย์การลงทุนโดยรวม
2. เหมาะกับการเป็น Core Portfolio สำหรับการจัดพอร์ต
Core Portfolio หรือการลงทุนส่วนหลักของพอร์ตการลงทุน โดยมีเป้าหมายระยะยาว เน้นโตไปอย่างมั่นคง จึงมักจะผสมผสานระหว่างตราสารหนี้ และหุ้นขนาดใหญ่ที่ทนทานต่อสภาวะเศรษฐกิจได้ดี ซึ่งกองทุนหุ้นโลกนั้นค่อนข้างเหมาะกับการเป็นกองทุนหลักในส่วนนี้
3. เป็นการแสวงหาโอกาสเติบโตใหม่ ๆ ไปกับเมกะเทรนด์ที่โลกต้องการ
เนื่องด้วย Active Fund Global Equity ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นลงทุนไปกับเมกะเทรนด์ หรือธีมการลงทุนใหม่ ๆ โดยไม่จำกัดประเทศที่ลงทุนได้ แต่ให้ความสำคัญกับบริษัทที่ดีที่สุดในทุกตลาด อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เราได้ลงทุนในธุรกิจที่ประเทศไทยไม่มี
กองทุนหุ้นโลกที่คัดมาแล้วโดย FINNOMENA FUNDS
FINNOMENA FUNDS Investment Team ได้คัดเลือกกองทุนหุ้นโลกแนะนำ โดยพิจารณาทั้งปัจจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ ในหลากหลายกลยุทธ์เพื่อให้นักลงทุนเลือกสรรตามมุมของประเภทสินทรัพย์ และความเหมาะสมกับพอร์ตการลงทุนที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล ซึ่งประกอบไปด้วย 11 กองทุนใน 5 สไตล์การลงทุนหลัก ดังนี้
สายเติบโตระยะยาว: KKP GNP-H / KKP GNP-H-SSF / KKP GNP RMF-H
กองทุนหุ้นทั่วโลกแบบ Active ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Capital Group New Perspective Fund ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตในระยะยาว โดยใช้วิธี Bottom-up คัดเลือกหุ้นที่มีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของโลกในอนาคต
หุ้นในพอร์ตของกองทุน KKP GNP-H จึงเน้นหนักไปที่ Growth Stock และผสมผสานด้วย Value Stock อาทิ Microsoft, Novo Nordisk, Tesla, Meta Platforms, TSMC และ ASML เป็นต้น
ส่วนภูมิภาคที่ลงทุนมากที่สุดอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ 53.8% รองลงมาเป็นยุโรป 28.1% กลุ่มประเทศ Emerging Markets 6.4% ญี่ปุ่น 2.9% และเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) 2.2%
Source: Fund Fact Sheet Capital Group New Perspective Fundas of 31/07/2023
สายมั่นคงแบรนด์ดังระดับโลก: KFGBRAND-A / KFGBRAND-D
กองทุนหุ้นทั่วโลกแบบ Active ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Morgan Stanley Investment Fund – Global Brands Fund ด้วยคอนเซปต์หลักคือการเฟ้นหาหุ้นที่เป็นแบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน มีอำนาจต่อรองด้านราคา และเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างความมั่นคงของผลตอบแทน และทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
หุ้นในพอร์ตของกองทุน KFGBRAND จึงเน้นลงทุนในกลุ่ม Defensive Stock อาทิ Microsoft, Philip Morris International, Accenture, SAP SE, Reckitt Benckiser และ Visa เป็นต้น
บริษัทที่ลงทุนส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกามากถึง 71.55% ส่วนที่เหลือจะอยู่ในทวีปยุโรป แบ่งเป็นสหราชอาณาจักร 10.33% ฝรั่งเศส 7.11% เยอรมนี 5.69% เนเธอร์แลนด์ 2.64 และอิตาลี 0.49%
Source: Fund Fact Sheet Morgan Stanley Investment Fund – Global Brands Fund as of 31/07/2023
สายรักษ์โลกสร้างความยั่งยืน: K-CHANGE-SSF / KCHANGERMF
กองทุน ESG ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Baillie Gifford Positive Change Fund ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำระดับโลก ซึ่งมุ่งเน้นให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น หรือสนับสนุน Positive Impact ต่อสังคมโดยรวม เช่น การศึกษา ความเท่าเทียมทางสังคม การดูแลสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม
หุ้นในพอร์ตของกองทุน K-CHANGE จึงเป็นบริษัทที่เน้นแนวคิดความยั่งยืน เพื่อการเติบโตในระยะยาว อาทิ ASML, MercadoLibre, Shopify, Tesla, TSMC และ Deere & Co
สำหรับสัดส่วนการลงทุนหลักจะอยู่ที่ภูมิภาคอเมริกาเหนือ 47.66% นอกจากนี้ จะเป็นการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ 26.53% และยุโรป 20.80%
Source: Fund Fact Sheet Baillie Gifford Positive Change Fund as of 31/07/2023
สายพลังงานสะอาด: MRENEW-SSF / MRENEWRMF
กองทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Blackrock Sustainable Energy ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน และยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
หุ้นในพอร์ตของกองทุน MRENEW จะประกอบไปด้วย 3 ธีมหลัก คือ Clean Energy, Energy Efficiency และ Clean Transportation อาทิ NextEra Energy, Enel SPA, RWE AG, Samsung SDI, EDP – Energias de Portugal และ Analog Devices เป็นต้น
โดยจะกระจายการลงทุนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในสหรัฐฯ ประมาณ 41.64% และที่เหลือจะเป็นฝรั่งเศส 10.06% เยอรมนี 8.45% เกาหลีใต้ 5.89% โปรตุเกส 4.89% เดนมาร์ก 3.86% อิสราเอล 3.65% จีน 3.21% และเนเธอร์แลนด์ 2.03%
Source: Fund Fact Sheet BlackRock Sustainable Energy as of 31/07/2023
สรุปกองทุนหุ้นโลก เลือกกองไหนให้ตอบโจทย์เป้าหมาย
สุดท้ายนี้ใครยังชั่งใจไม่ได้ ตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะปักธงเลือกกองทุนไหนดีให้ตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนของตัวเอง เอาเป็นว่าเราจึงสรุปเป็นตารางเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ กันไปเลย
ศึกษารายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund
แหล่งข้อมูล
- Capital Group New Perspective Fund
- Morgan Stanley Investment Fund – Global Brands Fund
- Baillie Gifford Positive Change Fund
- BlackRock Sustainable Energy
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept Help Center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299