“ในวิกฤตย่อมมีโอกาส” คำพูดนี้ไม่เกินจริง เพราะเราเห็นมาแล้วนักต่อนักว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ไม่น้อยเลยสร้างเนื้อสร้างตัวได้จากช่วงวิกฤต หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นผู้กล้าในยามที่คนทั่วหล้าเกรงกลัว
กองทุนหุ้นจีนเคยเป็นตลาดยอดฮิตอันดับต้น ๆ ของนักลงทุนไทย จากศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกได้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และยังต่อกรกับสหรัฐอเมริกาได้อย่างสูสี จนเกิดความคาดหวังว่าหุ้นจีนจะให้ผลตอบแทนที่สวยงามไม่แพ้กัน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง กองทุนหุ้นจีนทั้งฝั่ง A-Share, H-Share และ All-China กลับให้ผลตอบแทนไม่ดีนัก แถมยังสร้างความเจ็บช้ำให้ผู้คนจำนวนมาก เพราะตลอด 3 ปีมานี้ (2021-2023) ดัชนีหุ้นจีนลงลึก ลงแล้ว ลงอีก และเมื่อเห็นจังหวะเข้าถัวให้ต้นทุนถูกลง ก็ยังเจอราคาที่ถูกกว่า จนหลายคนหมดหวังไปแล้ว
ทว่าทุกอย่างย่อมมีเวลาของมัน หุ้นจีนเองก็เช่นกัน ในช่วงที่ราคาลงมาต่ำสุดในรอบ 10 ปี ประกอบกับท่าทีของรัฐบาลจีนก็ดูผ่อนคลายลงชัดเจน นี่อาจจะถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วที่เราจะกลับมาคว้าโอกาสในตลาดแห่งความหวังนี้อีกครั้ง กับกองทุนซึ่งคัดเฉพาะบริษัททรงอิทธิพลในจีนอย่าง MEGA10CHINA
ย้อนเวลาหาอดีต เกิดอะไรบ้างกับตลาดหุ้นจีน
- May 2021: รัฐบาลจีนควบคุม Startup ด้านการศึกษา เช่น สถาบันกวดวิชา และแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา
- Aug 2021: เพิ่มการกำกับดูแลหุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ (ADRs) โดยเน้นไปที่บริษัทเทคโนโลยี จากความกังวลเรื่องข้อมูลรั่วไหล
- Sep 2021: จุดเริ่มต้นวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ จากปัญหาของ China Evergrande ผู้พัฒนาอสังหาฯ อันดับ 2 ของจีน ส่งผลให้ราคาบ้านในจีนตกต่ำ กดดันให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงแรง
- Oct 2022: “สี จิ้นผิง” ได้เป็นผู้นําจีนต่อสมัยที่ 3 รวมถึงมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจาก “หลี่เค่อเฉียง” เป็น “หลี่เฉียง” ที่เน้นนโยบายทางด้านการเมืองมากยิ่งขึ้น
- Nov 2022: ทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ 16 ข้อ เช่น ขยายเวลาสินเชื่อ ลดเงินดาวน์ มาตรการช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ Covid-19 และเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Zero Covid
- Jan 2023: จีนประกาศเปิดประเทศเต็มตัว คณะกรรมาธิการด้านสุขภาพของจีน ออกแถลงการณ์ยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2023
- Mar 2023: เริ่มเห็นการผ่อนคลายมาตรการควบคุมหุ้นเทคโนโลยี และเห็น “แจ็ค หม่า” กลับมาปรากฏตัวในเมืองจีนอีกครั้ง ขณะที่ Alibaba ก็ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่
- Aug 2023: กระทรวงการคลังลดอากรสแตมป์การซื้อขายหุ้นจีน ลงมาอยู่ที่ระดับ 0.05% จากเดิมที่ระดับ 0.1% โดยมีเป้าหมายดึงดูดนักลงทุน หลังตลาดทรุดหนัก
- Oct 2023: รัฐบาลกลางจีนอนุมัติออกพันธบัตร 1 ล้านล้านหยวน (1.37 แสนล้านดอลลาร์) เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่
จีนยังมีหวัง สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นแล้ว
เมื่อไล่เรียงช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2021-2023 ตลาดหุ้นจีนเริ่มจากเจอฝุ่นตลบรอบด้าน แล้วจึงค่อย ๆ เห็นสายลมพัดพาไปในทิศทางที่สดใสขึ้น
กระทั่งเดือนแรกของปี 2024 เราได้เห็นพัฒนาการอันรวดเร็วของรัฐบาลจีนที่ออกมาแสดงท่าทีว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่จริงจัง พร้อมสนับสนุนตลาดทุนให้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ผ่านกลไกของหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่
- จัดตั้งกองทุนเพื่อดันตลาดหุ้นจีน มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านหยวน โดยใช้กลไก Hong Kong Exchange Link เอาเงินจากกองทุนรัฐวิสาหกิจกลับเข้าซื้อหุ้นจีนโดยตรง
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราการตั้งสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เหลือ 0.5% ช่วยเพิ่มสภาพคล่องระยะยาวได้ 1 ล้านล้านหยวน
- คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์จีน (CSRC) เพิ่มข้อจำกัดในการยืมหุ้นเพื่อ short-selling เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้น
- นำกฎการควบคุมการเล่นเกมออกจากเว็บไซต์ของ National Press and Publication Administration (NPPA) พร้อมกับอนุมัติ 32 เกมออนไลน์ ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์นี้
ทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยเร่งสำคัญให้นักลงทุนกลับมาเห็นแสงสว่างในดินแดนมังกรหลับ ซึ่งสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม 2024 ดัชนีหุ้นจีนก็ตอบรับทาง Performance ปรับตัวขึ้นแรงเกือบ 10%
MEGA10CHINA กองทุนหุ้นจีน โอกาสแพ้น้อย โอกาสชนะสูง
สำหรับคนที่อยากเข้าซื้อหุ้นจีนในเวลานี้ เพราะเชื่อใน Downside ที่จำกัด ราคาคงไม่ตกต่ำไปกว่านี้มากนัก และเห็นสัญญาณบวกของการเปลี่ยนแปลงท่าทีของรัฐบาล แต่ลึก ๆ ก็ยังคงกลัวความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนอยู่
ดังนั้น กองทุนหุ้นจีนที่เราควรพิจารณา
หนึ่ง… ต้องลงทุนในหุ้นที่มีความสามารถทางการแข่งขันด้วยตัวเอง เป็นแบรนด์ที่ครองใจชาวจีน และเก่งพอที่จะออกไปแข่งขันกับตลาดโลก
สอง… ต้องลงทุนในหุ้นที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจจีน ไม่มีการถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลจีน เพื่อลดความเสี่ยงของการถูกแทรกแซง เช่น ธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์
MEGA10CHINA คือกองทุนที่ตอบโจทย์เงื่อนไขดังกล่าว ด้วยนโยบายที่เข้าไปลงทุนใน 10 บริษัทที่ทรงอิทธิพลในจีน ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange: HKEX) โดยจะต้องเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง และเน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) ในกลุ่ม TOP/BEST CHINESE BRANDS จากการจัดอันดับโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในเรื่องของการจัดอันดับดังกล่าว
ทั้งนี้ MEGA10CHINA มีกองทุนให้เลือกทั้งชนิดสะสมมูลค่า MEGA10CHINA-A และกองทุนลดหย่อนภาษี MEGA10CHINA-SSF กับ MEGA10CHINARMF
รายละเอียดอื่น ๆ ของ MEGA10CHINA-A
- ความเสี่ยงระดับ 6 (กองทุนรวมตราสารทุน)
- นโยบายปันผล ไม่จ่าย
- ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งถัดไป 1 บาท
- ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.00%
- ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.6050% ต่อปี
- รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.7120% ต่อปี
ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 28/12/2023
วิธีคัดเลือกหุ้นของ MEGA10CHINA
จุดเด่นของกองทุนนี้คือการคัดเฉพาะหุ้นผู้ชนะเพียง 10 ตัวเน้น ๆ และนำมาจัดพอร์ตแบบ Equal weight ต่างจากกองทุนหุ้นจีนอื่น ๆ ที่มักจะกระจายการลงทุนไปหลายตัว โดยแนวทางการคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ต ประกอบด้วย
Source: เอกสารนำเสนอการขาย บลจ. ทาลิส as of 28/12/2023
1. เน้นลงทุนบริษัทที่มีแบรนด์ชั้นนำของประเทศจีน จำนวน 10 ตัวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และต้องไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ ไม่มีการถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลจีน เพราะนี่จะเป็นความเสี่ยงที่คาดการณ์ได้ยาก
2. มีงานวิจัยระดับโลกที่สนับสนุนว่ามูลค่าของแบรนด์นั้นมีผลเชิงบวกต่อราคาหุ้นของบริษัทนั้น ๆ
3. เป็นบริษัทที่มีแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งมีความได้เปรียบในการแข่งขัน และทนทานต่อผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยได้ดีกว่าบริษัทอื่น ๆ
4. มีการกระจายตัวของรายได้จากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก
5. เน้นการลงทุนระยะยาวโดยใช้วิธี Rule Based Approach คัดเลือกหุ้นโดยคำนึงปัจจัยที่มีผลต่อราคา อาทิ ปัจจัยด้านคุณภาพหุ้น (Quality) ขนาดของมูลค่าหุ้น (Size) สภาพคล่อง (Liquidity) เป็นต้น
Source: เอกสารนำเสนอการขาย บลจ. ทาลิส as of 28/12/2023
ภาพแสดงกระบวนลงทุนคัดเลือกหุ้นตามแบบฉบับกองทุน MEGA10CHINA เริ่มต้นกรองจากบริษัทที่มีแบรนด์แข็งแกร่งจากการจัดอันดับของสถาบันที่น่าเชื่อถือ จากนั้นค่อยมาตัดหุ้นที่เป็น State Owned Companies ออกไป แล้วนำมาจัดอันดับตาม Market Cap. ตามมาด้วยคัดกรองสภาพคล่อง และท้ายที่สุดหุ้นแต่ละตัวจะถูกนำมาจัดน้ำหนักการลงทุนในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน
เจาะ 10 บริษัททรงอิทธิพลในจีน
เข้าใจกระบวนการคัดเลือกหุ้นแล้ว คราวนี้มาดูกันว่าหุ้นที่เข้าเกณฑ์จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 26/01/2024
1. Alibaba: เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในจีน และเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ระดับโลกอย่าง LAZADA
2. Ping An Insurance: บริษัทประกันภัยชั้นนำของจีน โดยผลิตภัณฑ์ประกันและการเงินแบบครบวงจร
3. BYD: ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีน ซึ่งปัจจุบันมีเป็นแบรนด์ที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลก
4. NetEase: บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน ที่มีทั้งธุรกิจเกม ธุรกิจเพลงสตรีมมิ่ง อีคอมเมิร์ซ แอปพลิเคชัน และมีเดียแพลตฟอร์ม
5. Baidu: ผู้ให้บริการเสิร์ชเอนจินรายใหญ่ของจีน พร้อมทั้งบริการแผนที่ออนไลน์ และมีการพัฒนา AI ครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบชิป การพัฒนา Deep Learning กระทั่งต่อยอดไปเป็นแอปพลิเคชันต่าง ๆ
6. Nongfu Spring: บริษัทน้ำดื่มบรรจุขวดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจีน โดยมีผลิตภัณฑ์น้ำดื่มบรรจุขวดหลายประเภท อาทิ น้ำแร่ น้ำเปล่า และน้ำชา
7. Tencent: บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยการมีธุรกิจมากมาย เช่น โซเชียลมีเดีย เกมออนไลน์ บริการชำระเงิน เป็นต้น
8. Meituan: ผู้นำแพลตฟอร์มการจัดส่งอาหารออนไลน์และสินค้าที่สามารถครองใจคนจีน
9. JD.com: อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน โดยมีจุดเด่นที่การนำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า และของใช้ในบ้าน
10. Xiaomi: ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าไอทีสัญชาติจีนที่ส่งออกไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน สมาร์ททีวี และอุปกรณ์ IoT สมาร์ทโฮมต่าง ๆ
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นแบรนด์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะด้วยเรื่องราวความสำเร็จ ชื่อเสียงของผู้บริหาร ตลอดจนความแข็งแกร่งของธุรกิจที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร จึงมั่นใจได้ว่าเป็นหุ้นที่มีโอกาสชนะมากกว่าแพ้
หมายเหตุ: ข้อมูลบริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต และการลงทุนของกองทุน MEGA10CHINA มิได้ลงทุนใน 10 บริษัทข้างต้นนี้เสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทใดใน HKEX จะเข้าเงื่อนไขตรงกับนโยบายของกองทุน
สรุปจุดเด่นกองทุน MEGA10CHINA
- การลงทุนแบบโฟกัสในหุ้นจีน H-Share แค่ 10 ตัวหลักที่ผ่านการคัดกรองมาแล้วว่าดี
- เป็นโอกาสที่หาไม่ได้ในช่วงเวลาอื่น ด้วย Valuation ของหุ้นจีนที่ถูกที่สุดในรอบกว่า 10 ปี
- เหมาะกับผู้ที่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจีนจะพูดจริง ทำจริง และเห็นผลชัดเจนจริง กับภาพการกระตุ้นเศรษฐกิจ และหันมาหนุนตลาดทุนครั้งใหม่
สุดท้ายนี้ MEGA10CHINA ถือเป็นกองทุนหุ้นจีนที่น่าทยอยเข้าสะสมทั้งในแง่กลยุทธ์ที่แตกต่าง และจังหวะเวลาที่น่าเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม ถ้าใครที่มีหุ้นจีนในพอร์ตค่อนข้างเยอะแล้ว และยังคงดอยมาตั้งแต่จุดสูงสุดของรอบ แนะนำว่าให้พิจารณาสัดส่วนของพอร์ตการลงทุนให้ดี ๆ ซึ่งไม่ควรมีหุ้นจีนเกินกว่า 15% ของทั้งหมด แต่หากยังเหลือสัดส่วนอยู่บ้าง ก็สามารถเข้าถัวเฉลี่ยเพิ่มได้ในช่วงนี้
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- Talisam
- Longtunman MEGA10CHINA
- Longtunman หุ้นจีนถูกสุดในรอบ 10 ปี เข้าซื้ออย่างไร ให้ปลอดภัย ?
- Longtunman วิกฤติหุ้นจีน จุดนี้ควรซื้อ ?
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299