Finnomena Funds แนะนำเข้าลงทุนตามการพิจารณา MEVT Call เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยเป็นจังหวะสะสมหุ้นอินเดีย ผ่านกองทุน B-BHARATA และ TISCOINA-A หนุนโดยโครงสร้างเศรษฐกิจ ประมาณการกำไรเริ่มมีเสถียรภาพ รวมถึงสัญญาณ Technical และ Fund Flow เริ่มเป็นบวก
Executive Summary
- ปัจจัยโครงสร้างยังหนุนเศรษฐกิจอินเดียเติบโตสูงในระยะยาว วัฏจักรของเศรษฐกิจระยะสั้น และการปรับประมาณการกำไรเริ่มมีเสถียรภาพ
- การเติบโตของกำไรตลาดหุ้นอยู่ในระดับสูง และ Valuation อยู่ในระดับปานกลาง
- สัญญาณทั้ง Technical และ Fund Flow เริ่มเป็นบวก
- คำแนะนำ MEVT Call: ซื้อกองทุน B-BHARATA และ TISCOINA-A
แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP Growth) อินเดียชะลอตัวลงใน 3Q24 ที่ระดับ 5.6% YoY หลังจากการเบิกจ่ายภาครัฐชะลอลงระยะสั้นในช่วงเลือกตั้ง และกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง แต่ล่าสุดเริ่มฟื้นตัวสู่ระดับ 6.2% YoY ใน 4Q24 จากการบริโภคที่ฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่นอกเมืองและภาคการเกษตรที่ฟื้นตัวขึ้นจากผลผลิตทางเกษตรที่ดีขึ้น ซึ่งว่าบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอินเดียได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 3Q24 ขณะที่การเติบโตของปริมาณการใช้ไฟฟ้าของอินเดียซึ่งเคลื่อนไหวสอดคล้อง GDP Growth ในช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีทิศทางทรงตัวใน 1Q25 ซึ่งมีโอกาสบ่งชี้ว่าทิศทาง GDP Growth ในช่วง 1Q25 เริ่มอยู่ในระดับทรงตัวจาก 4Q24 สอดคล้องกับคาดการณ์จากบรรดานักเศรษฐศาสตร์ว่าทิศทางเศรษฐกิจของอินเดียเริ่มช่วงตัวแล้วใน 1Q25
ดัชนี PMI ทั้งภาคการผลิตและบริการของอินเดียอยู่ในระดับขยายตัวและสูงกว่ากลุ่มประเทศ EM ในช่วงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจอินเดียมีศักยภาพในการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่า
ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือนกุมภาพันธ์หลังจากเงินเฟ้อชะลอลง พร้อมส่งสัญญาณเน้นย้ำถึงการรักษาโมเมนตัมการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับรักษาเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อ แต่เงินเฟ้ออินเดียมีทิศทางที่ชะลอลงซึ่งเพิ่มโอกาสให้ RBI ใช้นโยบายเชิงสนับสนุน
แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวของอินเดียยังคงน่าสนใจจากระดับ GDP ต่อหัว และ Urbanisation Rate ที่ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศ Emerging Market อื่น ๆ โดยเฉพาะจีน ซึ่งสะท้อนว่าอินเดียยังมีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงในระยะยาว
สอดคล้องกับโครงสร้างประชากรของอินเดียที่จำนวนประชากรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และสัดส่วนวัยแรงงานมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศจีน
Nifty 50 Index Earnings and Valuation
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 25/03/2025
การปรับประมาณการกำไรของตลาดหุ้นอินเดียถูกปรับลดลงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024- กุมภาพันธ์ 2025 หลัก ๆ มาจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อชะลอลงตามทิศทางเศรษฐกิจที่สะดุดในช่วงสั้น ๆ แต่ล่าสุดในเดือนมีนาคมการปรับประมาณการกำไรเริ่มทรงตัวตามโมเมนตัมทางเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น ขณะที่การเติบโตของกำไรตลาดหุ้นอยู่ในระดับสูงที่ 10.7% และ 14.49% ในปี 2025 และ 2026 ด้าน Valuation ในแง่ 12-m forward P/E ของตลาดหุ้นอินเดียอยู่ที่ 19.2 เท่า ซึ่งใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี
Fund Flow จากต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้าตลาดหุ้นอินเดียในเดือนมีนาคม 2025 หลังจากไหลออกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา
กราฟดัชนี Nifty 50 Index
ดัชนี Nifty 50 Index สามารถทะลุ Down Trend Line เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มเชิงบวกทางเทคนิค
คำแนะนำการลงทุนในกองทุนหุ้นอินเดีย
ปัจจัยโครงสร้างยังหนุนเศรษฐกิจอินเดียเติบโตสูงในระยะยาว ปัจจัยวัฏจักรของเศรษฐกิจระยะสั้นและการปรับประมาณการกำไรเริ่มมีเสถียรภาพ Valuation อยู่ในระดับปานกลาง รวมถึงสัญญาณทั้ง Technical และ Fund Flow เริ่มเป็นบวก Finnomena Funds จึงแนะนำลงทุนกองทุน B-BHARATA และ TISCOINA-A ภายใต้คำแนะนำ MEVT Call
รายละเอียดกองทุนที่แนะนำ
กองทุนรวมหุ้นอินเดีย ที่ลงทุนผ่านกองทุน RAMS Investment Unit Trust - India Equities Portfolio Fund II ซึ่งเน้นธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอินเดีย และมีน้ำหนักการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ เพื่อโอกาสเพิ่มผลตอบแทนมากขึ้น
ปัจจุบันกองทุน B-BHARATA มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน 47% ของเงินลงทุน
B-BHARATA Top Holding
Source: Fund Fact Sheet ของกองทุนหลัก B-BHARATA as of 31/01/2025
กองทุน TISCOINA-A ลงทุนในหุ้นอินเดียผ่าน 3 กองทุนหลักคือ
- Nomura Funds Ireland plc India Equity Fund ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up พิจารณาจากพื้นฐานของหุ้นเป็นหลัก ประมาณ 25-30 ตัว จาก Universe ประมาณ 240 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่
- FSSA Indian Subcontinent Fund ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up ตัดเลือกหุ้นที่ประกอบธุรกิจฝยอินเดีย, ศรีลังกา, ปากีสถาน และบังคลาเทศ โดยเน้นลงทุนประมาณ 50 ตัว กระจายลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล้ก โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
- Goldman Sachs India Equity Portfolio ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up เลือกหุ้นประมาณ 70-100 ตัว จาก Universe ประมาณ 700 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
ปัจจุบันกองทุน TISCOINA-A ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
TISCOINA-A Top Holding
Source: Fund Fact Sheet ของกองทุน TISCOINA-A as of 28/02/2025
ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept Help Center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299