หากพูดถึงธุรกิจของหวานชั้นนำในประเทศในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น After U
หากพูดถึงธุรกิจอาหาร ที่คนกิน After U จะต้องกิน แล้วดังๆหน่อย ผู้หญิงชอบ ชื่อแรกที่นึกถึงคือ Bonchon
After U (AU) ดำเนินการเป็นร้านขนมหวานตั้งแต่เริ่ม โดยมีสาขาแรกอยู่ที่ทองหล่อซึ่งเปิดในปี 2550 เป็นผู้คิดค้นเมนูสุดโปรดของหลายๆ คนคือ Shibuya Honey Toast (ขนมปังอบเนย) และ Kagigori (น้ำแข็งใสสไตล์ญี่ปุ่น)
บริษัท มาชิสโสะ จำกัด ผู้นำเข้าและผู้บริหาร Bonchon Franchise จากเกาหลีนั้นก่อตั้งในปี 2550 แล้วเปิดร้าน Bonchon เมื่อปี 2554 ที่ทองหล่อเช่นเดียวกัน
สองร้านที่เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจของชาวไทยนั้นมีสิ่งที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง? ถ้านำมาเทียบกันแล้วใครจะแกร่งกว่าใคร ลองมาดูกันแบบยกต่อยกเลยครับ
ยกที่ 1: รายได้และกำไร
อ้างอิงจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
บริษัท มาชิสโสะ จำกัด มีผลการดำเนินงาน ดังนี้
ปี | รายได้ (ล้านบาท) | กำไร (ล้านบาท) |
2557 | 245 | 41 |
2558 | 585 (เติบโต 138%) | 111 (เติบโต 170%) |
2559 | 975 (เติบโต 66.7%) | 312 (เติบโต 181%) |
*งบปี 2560 ยังไม่ปรากฏในฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
After You มีผลการดำเนินงาน ดังนี้
ปี | รายได้ (ล้านบาท) | กำไร (ล้านบาท) |
2559 | 608 | 99 |
2560 | 735 (เติบโต 20.9%) | 129 (เติบโต 30.3%) |
ถ้าเทียบทั้ง 2 บริษัทในเชิงรายได้และกำไร Bonchon จะเหนือกว่าค่อนข้างมากด้วยกำไรที่มากกว่า 3 เท่าในปี 2559 ทั้งคู่มีอัตรากำไรสุทธิที่สูงโดย Bonchon มีอัตรากำไรสุทธิที่ 32% และ AU มีอัตรากำไรสุทธิ 18% ซึ่ง Bonchon สูงกว่ามาก
ทั้งนี้ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า Bonchon เป็นการซื้อแฟรนไชส์มาจากประเทศเกาหลี บริษัทไม่ได้สร้างและเป็นเจ้าของ Bonchon เองเหมือนที่ After U เป็น เพราะฉะนั้นข้อจำกัดของ AU ก็จะน้อยกว่า สามารถทำอะไรกับแบรนด์ตัวเองก็ได้
ยกที่ 2: การตลาด
การทำการตลาดของทั้ง 2 บริษัทจะคล้ายๆ กัน คือไม่ได้เน้นทำการตลาดหรือทำโปรโมชั่นลดราคาแหลก นั่นเป็นเพราะสินค้าของทั้ง 2 บริษัทสามารถขายตัวเองได้
คนมาทานขนมที่ After U โดยที่ After U ไม่ต้องยิงโฆษณาตามทีวี หรือป้ายบิลบอร์ดใหญ่ๆ เลย ทาง Bonchon เองก็ไม่จำเป็นเช่นเดียวกัน ในขณะที่บางร้านอย่าง Swensen’s (คู่แข่งโดยตรงของ After U) และ KFC (คู่แข่งโดยตรงของ Bonchon) มีการยิงโฆษณาเยอะกว่ามาก
ยกที่ 3: สาขา
โดยปัจจุบัน After U มีสาขาทั้งหมด 27 สาขา และ Bonchon มี 32 สาขา แม้ตัวเลขจะใกล้เคียง แต่วิธีการขยายสาขาของทั้ง 2 บริษัทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
After U นั้นนอกจากจะขยายร้านของตัวเองเพิ่ม ก็ยังมีแผนที่จะขายแฟรนไชส์ไปต่างประเทศด้วย เพราะตัวเองเป็นเจ้าของแบรนด์อยู่แล้ว ซึ่งการขายแฟรนไชส์เป็นสิ่งที่ Bonchon ประเทศไทยไม่สามารถทำได้เพราะตัวเองก็ซื้อแฟรนไชส์มาอีกทีหนึ่ง ทำได้เพียงขยายสาขาของตัวเองในประเทศไทยต่อไป
ยกที่ 4: กระแสเงินสด
ธรรมชาติของธุรกิจร้านอาหารที่มีขนาดใหญ่และมีอำนาจคือความสามารถที่จะสร้างกระแสเงินสดได้ดีมาก อันนี้ดูได้จากวงจรเงินสดของ After U ที่ติดลบ ซึ่งเป็นสิ่งดีเพราะ After U สามารถนำเงินสดที่ได้จาก Credit Term ของ Suppliers มาใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนขยายสาขาใหม่และอื่นๆ
สำหรับ Bonchon นั้น ไม่มีข้อมูลกระแสเงินสด เลยขอไม่พูดถึงครับ
โดยสรุปแล้วทั้ง After U และ Bonchon ก็มีความแข็งแกร่งในตัวของตัวเอง
After U มีความสามารถในการขยายสาขาแบบแฟรนไชส์ได้ ในขณะที่ Bonchon มีอัตรากำไรที่สูงกว่า แต่ที่ทั้งคู่มีเหมือนกันคือสินค้าที่สามารถขายตัวมันเองได้ และเป็นผลงานจากฝีมือของหญิงเก่งชาวไทยครับ
ข้อมูลอ้างอิง:
https://www.finnomena.com/stock/AU
https://www.set.or.th/set/companyhighlight.do?symbol=AU&ssoPageId=5&language=th&country=TH
https://www.wongnai.com/chains/bonchonchicken
https://www.set.or.th/set/factsheet.do?symbol=AU&ssoPageId=3&language=th&country=TH
—————————-
Vithan Minaphinant
Securities Investment Analyst (IA)
ตรวจทานบทความ
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
ผู้เขียนบทความนี้มิได้รับค่าตอบแทนหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทที่กล่าวถึงในบทความนี้แต่อย่างใด
ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้