สำหรับเพื่อนๆ ที่มีเงินเหลือ อยากจะหาที่ลงทุน แต่ไม่รู้จะลงทุนกับอะไรดี ดอกเบี้ยเงินฝากก็แสนจะน้อยนิด ถ้าเรามีเงิน 1 ล้านบาท ไปฝากกินดอกเบี้ยก็ได้ปีละไม่ถึงหมื่นบาทเลย … ทำยังไงดี?
ผมขอแนะนำการลงทุนในหุ้นเพราะผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นมีโอกาสที่เราจะทำกำไรได้สูง (แต่ก็เสี่ยงสูงกว่าฝากเงินไว้เฉยๆ) ผมมีเพื่อนคนหนึ่งเคยซื้อหุ้นค้าปลีก BIG C เอาไว้ 1 แสนหุ้นในราคา 60 บาท และขายออกในปัจจุบันที่ราคากว่า 200 บาท (กำไรอื้อเลย!) ผมก็แอบอิจฉาเพื่อนคนนี้ แต่ก็คิดว่าเราเองก็ทำได้เหมือนกัน
โดยเฉพาะนักลงทุนหุ้นโตเร็ว การมองคุณภาพของกิจการไม่เพียงพอ แต่ต้องมองถึงตัวเลขทางการเงินเพื่อความแม่นยำในการลงทุนอีกด้วยครับ …อ่านถึงตรงนี้ถ้าอยากลงทุนในหุ้นแล้วล่ะก็ อย่าได้รอช้า! แต่ก็อย่าได้ประมาท เพราะการลงทุนมีด้านที่ได้ และด้านที่เสียนะครับ … โดยการลงทุนในหุ้นนั้นเราต้องเริ่มจากการ “SCAN หุ้น” SCAN หุ้นดีไม่ดี ดูตรงไหนบ้าง? ติดตามกันเลยดีกว่าครับ
ประการแรก ดูหนี้สินของกิจการว่าเยอะหรือไม่
กิจการที่ดีควรมีหนี้น้อย หรือถ้ามีก็ควรเป็นหนี้ที่ดี หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้กลับมาเป็นกำไรให้กับผู้ถือหุ้น ถ้าบริษัทมีหนี้เยอะจะกู้ยากขึ้น และอาจต้องเพิ่มทุน วิธีดูว่าบริษัทมีหนี้เยอะเกินตัวหรือไม่ เราดูที่ DE Ratio หรืออัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หากอัตราส่วนนี้เกิน 2 เท่าถือว่าอยู่ในข่าย “ต้องจับตามอง” แต่ก็จะมีกิจการบางอย่างที่มีหนี้สินเยอะๆ ได้ เพราะเขานำหนี้ไปหมุนกลับมาเป็นกำไร เช่น กิจการเกี่ยวกับสินเชื่อรูปแบบต่างๆ เป็นต้น
ประการที่สอง ดูเงินสดสุทธิ หรือ Net Cash
การคำนวณเงินสดสุทธิก็ทำได้ไม่ยากครับ เราเอาเงินสดทั้งหมดของบริษัทมาหักลบด้วยหนี้ทั้งหมด จะเป็น Net Cash ถ้าธุรกิจเติบโตและมี Net Cash เป็นบวก ก็มีแนวโน้มจะปันผลดี และถ้ามีเงินสดเหลือมากๆ อาจจะมีเหตุการณ์ “ซื้อหุ้นคืน” ทำให้กำไรต่อหุ้นสูงขึ้น ราคาก็จะขยับขึ้นตามนั่นเองครับ
ประการที่สาม ดู Gross Margin
Gross Margin (GM) หรือ กำไรขั้นต้นคือ ยอดขายหักต้นทุนค่าสินค้า วิธีดูก็คือให้เทียบกับธุรกิจที่คล้ายๆ กัน ธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันควรมี GM ใกล้เคียงกัน แต่หากเราพบกิจการที่มี GM ต่ำเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ที่ใกล้เคียง และมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสูง ให้สงสัยไว้ก่อนว่าผู้บริหารอาจไม่ซื่อตรง ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนไม่ว่าหุ้นตัวนี้จะมี story ดีขนาดไหนก็ต้องถอยห่างนะครับ
ประการที่สี่ ดูกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
กำไรของกิจการอาจจะ “ตกแต่ง” ได้ แต่กระแสเงินสดตกแต่งยาก เป็นของจริงมากกว่า วิธีดูก็คือ เราควรดูกิจการที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานใกล้เคียงกำไรสุทธิ เพราะกระแสเงินสดรับหักออกด้วยค่าดำเนินงานนั้นเป็นเงินที่ไหลเข้าบริษัทจริง และถ้าเงินก้อนนี้แปรเป็นกำไรต่อหุ้นได้มาก แสดงว่ามีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำ เป็นสัญญาณของหุ้นที่ดีควรเก็บสะสม หรือนำไปวิเคราะห์เจาะลึกกันต่อไป
บางบริษัทแค่ฝากขายของ แต่กลับบันทึกเป็นรายได้ แทนที่จะบันทึกเป็นบัญชีลูกหนี้ ทำแบบนี้จะดูเหมือนว่ามีกำไรดี แต่เงินยังไม่ได้ไหลเข้าบริษัทจริงๆ แบบนี้ต้องระวัง อย่าไปยุ่งเด็ดขาดนะครับ
ประการสุดท้าย ดูอัตราส่วนผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น หรือ ROE
หุ้นที่จะโตเร็วคือหุ้นที่มี ROE สูง โดย ROE ควรมากกว่า 15-20% ทำได้อย่างต่อเนื่อง และบริษัทเติบโต ปันผลดี + ซื้อหุ้นคืน ทำให้กำไรต่อหุ้นโตขึ้นไปอีก แต่ถ้าเราพบหุ้นที่มี %ROE สูงอยู่แล้ว ถ้ากิจการสามารถรักษาระดับของ %ROE ให้สูงอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ได้สูงจากการกู้ยืมมากขึ้น หรือเป็นหนี้มากขึ้น แบบนี้ก็ถือว่าน่าสนใจเช่นกันครับ …หากใครพบบริษัทที่มีคุณสมบัติครบแบบนี้หลังไมค์มาบอกผมเลยนะครับ
นายแว่นธรรมดา