สำหรับการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนระยะยาว แม้เราจะลงทุนโดยไม่จำกัดระยะเวลา แต่เราก็ไม่สามารถหยุดอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลย … เพราะโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงทุกวัน แถมยังหมุนเร็วกว่าเดิมเสียด้วยครับ !
เดิมทีพอร์ต Running for growth จะลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมขนส่งด้วยระบบราง อุตสาหกรรมการแพทย์รองรับผู้สูงอายุ อุตสาหกรรมค้าปลีก อุตสาหกรรมการเงินสมัยใหม่ อุตสาหกรรมสื่อสาร และเทคโนโลยี … ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนภายในประเทศไทยเป็นหลัก
มองหาอุตสาหกรรมยุคใหม่จากประเทศจีน
เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก และสิ่งที่หลายคนกำลังเร่งให้เกิดขึ้น ก็คือ การลดโลกร้อน หรือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซค์สู่ชั้นบรรยากาศโลก สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดเทรนด์ หรือ กระแสธุรกิจใหม่ ๆ ได้แก่
1. กระแสรถยนต์ไฟฟ้า … ซึ่งแน่นอนว่าจะมาทดแทนรถยนต์กลุ่มที่ใช้พลังงานฟอสซิล เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นผลทางตรงที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน … โดยว่ากันว่า รถยนต์ทั่วโลกกว่าพันล้านคัน อาจจะเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้า หรือรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ก่อนปี 2030-2050 ซึ่งถ้าไม่รีบจะสายเกินแก้สำหรับภาวะโลกร้อน
2. เทรนด์ของข้อมูล หรือ Big data ซึ่งถือว่าเป็น “บ่อน้ำมันแหล่งใหม่” … โดยมีคนเปรียบว่า ในยุคก่อนหน้าใครมีบ่อน้ำมันถือว่า ร่ำรวย แต่ในยุคอนาคตใครที่กุมข้อมูลไว้มากที่สุด และนำมาประมวลผลใช้ประโยชน์ได้มาก คนนั้นจะกลายเป็นผู้ชนะ และร่ำรวยได้ในที่สุด
ด้วยการมาของสองเทรนด์ใหญ่ดังกล่าว ทำให้ผม และทีมงาน เพิ่มการลงทุนในกลุ่มสองกลุ่มนี้ ผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า และหุ้น Big data ในประเทศจีน เพราะจีนอาจก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในโลกยุคใหม่ก็เป็นไปได้ครับ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ แต่การไม่ลงทุนอะไรเลยก็ถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง เพราะสภาวะเงินเฟ้อบีบรัดเราทุกทาง ผมจึงอยากแนะนำให้ลงทุนผ่านกองทุนรวม และผ่านธีมการลงทุนที่คัดกรองจากมืออาชีพ และคอยติดตามให้เราตลอด
ภาพแสดงสัดส่วนพอร์ต RUNNING for Growth ที่มา: นายแว่นลงทุน วันที่: 17 มิถุนายน 2022
ทำไมต้องลงทุนในกองทุนรวม
ประการแรก … ถ้าคุณลงทุนในหุ้นได้ผลตอบแทนต่ำกว่า 10-15% ควรนำเงินมาลงทุนในกองทุนจะดีกว่า
ประการที่สอง … ถ้าคุณไม่มีเวลาในการติดตามกิจการ หรือติดตามหุ้นที่สนใจ ควรแบ่งเงินมาลงทุนในกองทุนรวม มีผู้จัดการกองทุนมือดี คอยดูแลเงินให้คุณ
ประการที่สาม … สามารถซื้อด้วยเงินน้อย ๆ ได้ ทำให้ลดข้อจำกัดในการลงทุนที่ว่า ต้องมีเงินมากจึงจะเริ่มต้นลงทุน หรือทำอะไรได้ แท้จริงแล้วมีเงินน้อยก็สามารถเริ่มได้จากช่องทางการลงทุนในกองทุนรวมที่เปิดโอกาสออกมา
ประการสุดท้าย … ผลตอบแทนจากกองทุนรวมเฉลี่ย 5-10% ต่อปี สามารถทำให้เงินต้นของเราโตเป็นสองเท่าได้ภายในเวลาไม่เกินสิบปี
♟จุดเด่นของพอร์ต … “RUNNING for Growth”
สำหรับ RUNNING for Growth เป็นธีมการลงทุนที่ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการเติบโต โดยแนวคิดการลงทุนนั้น #นายแว่นลงทุน ได้นำเสนอแนวคิด ดังต่อไปนี้
ประการแรก … ลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายการเติบโต เน้นการลงทุนในหุ้นเติบโตที่มีขนาดกิจการ (Market Cap) ตั้งแต่ 5,000– 200,000 ล้านบาท
ประการที่สอง … เป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เพราะต้องการให้เงินที่งอกเงยออกมานำไปลงทุน “ทบต้น” ให้เกิดการเติบโต
ประการสุดท้าย … อุตสาหกรรมที่สนใจ ได้แก่ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมขนส่งด้วยระบบราง อุตสาหกรรมการแพทย์รองรับผู้สูงอายุ อุตสาหกรรมค้าปลีก อุตสาหกรรมการเงินสมัยใหม่ อุตสาหกรรมสื่อสาร และเทคโนโลยี
♟ธีมการลงทุนนี้เหมาะกับใคร
ธีมการลงทุนนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเติบโต และสามารถถือสินทรัพย์ดังกล่าวได้อย่างยาวนาน โดยยังไม่คิดจะถอนการลงทุนในระยะเวลาสั้น ๆ สามารถรับความเสี่ยง และความผันผวนของการลงทุนได้ในระดับหนึ่ง ต้องการสะสมสินทรัพย์เพื่อการเติบโตในระยะยาว
ข้อดี & ความเสี่ยงของพอร์ตที่ลงทุนในกองทุนหุ้น 100%
ข้อดีของการลงทุนในพอร์ตที่ลงทุนหุ้น ก็คือ การลงทุนในหุ้นแม้จะมีความเสี่ยง แต่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ หรือ money market
ความเสี่ยงในการลงทุนของกองทุนหุ้น 100% สามารถถูกปิดได้ด้วยการวิเคราะห์ของผู้จัดการกองทุน และนโยบายการลงทุนในแต่ละกองทุนที่ทำให้เราเห็นทิศทางในอนาคตที่ชัดเจนขึ้น นอกจากนั้น การลงทุนผ่านธีมที่เป็น “เมกะเทรนด์” ได้แก่ สังคมผู้สูงอายุ การเติบโตของระบบราง จะช่วยให้เป้าหมายชัดเจนขึ้นมาก และการลงทุนในระยะที่ยาวนานพอจะช่วยปิดความเสี่ยงเรื่องความผันผวนในตลาดได้เป็นอย่างดีมีประสิทธิภาพนั่นเอง
🤵สัดส่วนกองทุนที่ RUNNING for Growth ลงทุน
พอร์ตนี้มีทั้งหมด 3 กองทุน โดยทั้งหมดจะเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น ซึ่งครอบคลุมหุ้นเติบโตที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นร้านสะดวกซื้อ กิจการปล่อยสินเชื่อ โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ร้านอาหาร และที่ขาดไม่ได้คือหุ้นสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อรองรับเทคโนโลยี 5G และ Internet of Things
🎯โดยเกณฑ์การเลือกกองทุนเข้าพอร์ต จะเป็นไปตามนี้ครับ
- เลือกกองทุนที่มีน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่เลือกมามากที่สุด เพื่อให้พอร์ตโดยรวมมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผน
- เลือกกองทุนที่ติดอันดับ Best In Class สูงที่สุดโดยยึดข้อ 1 เป็นหลัก เพื่อให้กองทุนนั้นๆ มีผลการดำเนินงานที่ดี
- เลือกกองทุนทีมีอัตราค่าธรรมเนียมที่ถูก เพื่อให้ผลการดำเนินงานไม่ถูกลดทอนลง
👨💼ปรับพอร์ตอย่างไร
สำหรับการปรับพอร์ตนั้น ทางทีมงานจะมีการ Monitor หุ้นที่กองทุนแต่ละกองไปลงทุน หากหุ้นมีราคาขึ้นสูงเกินไป อาจมีการปรับเปลี่ยนกองทุนออก และหากองทุนใหม่ที่มีหุ้นที่ราคาน่าสนใจและอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราชื่นชอบ โดยการปรับพอร์ตจะทำภายใน 1-2 ครั้งต่อปี หรือปรับพอร์ตเมื่อหุ้นในกองทุนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะ(ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)
สำหรับระยะเวลาการลงทุนกับธีมที่อยากแนะนำก็คือ 10 ปี หรืออย่างต่ำ 5 ปี เพื่อให้ผลการลงทุนนั้นออกดอกออกผล เหมือนเราปลูกต้นไม้ใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการเติบโตนั่นเองครับ
นายแว่นลงทุน
ดูรายละเอียด RUNNING for Growth ได้ที่ https://www.finnomena.com/port/naiwaen/
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299