หากเราเป็นนักลงทุนตัวจริง เสียงจริง สิ่งที่เราต้องเฝ้าติดตาม และมองหาตลอดเวลาก็คือ “เราต้องมองหาหุ้นโตเร็วเท่านั้น” และที่สำคัญหุ้นที่เรามองหาควรถือได้ยาวๆ อย่างน้อย 3-5 ปี หรือไม่ก็ถือยาว 10 ปีได้เลย โดยไม่ต้องสงสัยว่ากิจการนั้นๆ จะล้มหายตายจากไปเสียก่อน
การที่เราต้องเป็นคนมองหาหุ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้นักลงทุนหุ้นโตเร็ว หรือ Growth Investor ต้องคอยจับตาดูว่า พฤติกรรมการบริโภคของคนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างไร เปลี่ยนไปจากอดีตมากน้อยแค่ไหน และคนชอบกินอะไร เที่ยวที่ไหน เดินทางด้วยอะไร สื่อสารอะไร เป็นต้น … และบทความนี้เราจะมาพิจารณากันดูว่า ลักษณะของธุรกิจที่จะเติบโต ควรมีลักษณะอย่างไร ไปติดตามกันเลยครับ
ลักษณะแรก “เป็นสิ่งจำเป็นที่คนต้องกินต้องใช้”
ลักษณะของกิจการประเภทนี้ เป็นเรื่องจำเป็นที่คนต้องกินต้องใช้ และมีแนวโน้มที่คนจะบริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบางอย่างก็ไม่จำเป็นเสมอไป แต่คนกินคนใช้เนื่องจากมันเป็นกระแส เรียกว่าใครไม่ใช้จะดูแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ …
ยกตัวอย่างเช่น คนชอบดื่มกาแฟ สตาร์บั๊ก หรือ อเมซอน ธุรกิจแบบนี้เมื่อมันบิน “ติดลมบน” แล้ว ก็มักจะไปได้เรื่อยๆ และหากเขามีสิ่งที่เรียกว่า สินค้าเรือธง หรือ Product Champion ยิ่งดี สินค้าเรือธงที่ดีมักจะสร้างกระแสเงินสดให้กับกิจการสม่ำเสมอ แถมถ้าเติบโตได้ด้วยยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลยครับ
ใครชอบดื่มเครื่องดื่มแบบไหนในร้านกาแฟ ก็ลองจินตนาการดุว่า คนส่วนใหญ่ หรือคนจำนวนมากชอบแบบเราหรือเปล่า?
ลักษณะที่สอง “มีคู่แข่งน้อยราย หรือมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง”
ลักษณะต่อมาที่ผมจะพิจารณาก็คือ ธุรกิจเหล่านั้นมีคู่แข่งน้อยรายหรือไม่ และคู่แข่งน้อยๆ นั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแรง หรือเป็นพันธมิตรกับกิจการ หากธุรกิจใดมีคู่แข่งน้อยราย อาจหมายถึงลักษณะของอุตสาหกรรมนั้นๆ ยากที่จะมีรายใหม่ๆ เข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาด อาจเป็นเพราะต้นทุนการประกอบกิจการที่สูง ทำให้กันคู่แข่งหน้าใหม่ๆ ออกไปได้ ถ้าผมเจอลักษณะนี้จะรีบเข้าไปศึกษาทันทีครับ
อีกลักษณะหนึ่งที่ต้องตาต้องใจนักลงทุนหุ้นโตเร็วก็คือ กิจการนั้นๆ มีแบรนด์ หรือยี่ห้อสินค้า-บริการที่แข็งแกร่ง ลักษณะนี้จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ความภักดีในตราสินค้า” หรือ Brand Royalty หากกิจการใดมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ก็มีแนวโน้มที่จะมีคนมาใช้สินค้า หรือบริการมากกว่าสินค้าที่มีแบรนด์ไม่แข็งแรง และหากแนวโน้มการใช้เติบโต ก็ยิ่งต้องจับตามองเป็นพิเศษ
ลักษณะที่สาม “กิจการนั้นจะถูกทดแทนด้วยสิ่งอื่นหรือไม่”
สิ่งที่นักลงทุนหุ้นโตเร็ว โดยเฉพาะนักลงทุนที่คิดจะลงทุนหุ้นเติบโตสิบเท่าในสิบปีต้องคิดและพิจารณาเป็นพิเศษ ก็คือ “อีกสิบปีกิจการที่เราลงทุนจะยังอยู่หรือไม่” และหากยังอยู่จะยังดีแบบเดิมหรือเปล่า
ลองหลับตาจินตนาการถึง “กล้อง” ที่เป็นแบบฟิลม์ ถ้าย้อนอดีตไปบอกคนเมื่อกว่าสิบปีที่ผ่านมาว่า ฟิลม์ จะถูกเลิกใช้ คงไม่มีคนอยากจะเชื่อ โดยเฉพาะช่างกล้องที่ถนัดการถ่ายภาพโดยใช้ฟิลม์ แต่ปัจจุบันสิ่งเหล่านี้หายไปแล้ว และมันถูกทดแทนด้วยกล้องดิจิตอล
นักลงทุนหุ้นระยะยาวต้องคอยคิด และพิจารณาให้ดีว่า กิจการที่เราลงทุนในวันนี้นั้น อีกสิบปีจะยังอยู่หรือเปล่า และมีอะไรจะมาทดแทนมันได้หรือไม่ และมันยังเป็นที่นิยมหรือไม่ ถ้าเอาสั้นๆ ก็ราว 3-5 ปี หากมันยังอยู่ และเติบโต ก็ลงทุนได้เลยครับ
ลักษณะสุดท้าย “ผู้บริหารมี passion ที่จะเติบโตหรือไม่”
สิ่งนี้สำคัญนะครับ ถ้าเราลงทุนกับผู้บริหารที่ไม่คิดจะโต หุ้นก็จะไม่ไปไหน … กิจการที่เติบโตนั้นแท้จริงแล้วเป็นเปลือกนอก เป็นเพียง “เงาความคิด” ของเจ้าของ หรือผู้บริหาร
หากผู้บริหารมีแนวคิดที่จะเติบโต กิจการก็จะเติบโต และถ้ามันทำกำไรได้ และกำไรโต ราคาหุ้นก็จะโตตามไปด้วย การดูให้ลึกลงไปถึงนิสัยใจคอของผู้บริหาร จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักลงทุนทุกคนที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
วิธีการก็คือ ลองไปร่วมประชุมผู้ถือหุ้น หรือไปประชุมในวันแถลงผลประกอบการที่ตลาดหลักทรัพย์จัดให้เข้าร่วม และลองถามคำถามเชิงท้าทายดูว่า ผู้บริหารจะตอบอย่างไร ลองสอบถามวิสัยทัศน์ของท่านผู้บริหารว่ามีมุมมองอย่างไรในอีก 3-5 ปี หรือแม้แต่ 10 ปีข้างหน้า นำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบการลงทุนด้วยนะครับ
ทั้งหมดคือส่วนเล็กๆ ของแนวคิดการลงทุนหุ้นโตเร็ว หรือ Growth Stock สำหรับผู้ที่ไม่หยุดนิ่ง และวิ่งตามความฝัน คือ อิสรภาพทางการเงิน หรือการเป็นนักลงทุนมืออาชีพ เราต้องก้าวต่อไป อย่าหยุดคิด อย่าหยุดฝัน เป็นกำลังใจให้ทุกท่านเสมอครับ
#นายแว่นลงทุน