การลงทุนในหุ้นเติบโต เป็นอะไรที่ทุกคนต้องการ และถ้านักลงทุนระยะยาวที่มองการเติบโตในอนาคตออกได้อย่างแม่นยำ จะทำให้เราสามารถวางเงินเลือกหุ้นที่ใช่ในระยะยาว ๆ ได้ อย่างน้อย 3-5 ปี หรืออาจยาวนานเป็น 10 ปีก็เป็นไปได้
สำหรับคำว่า “เติบโต” เป็นอะไรที่เหมือนของหวานสำหรับนักลงทุน พอเราได้ยิน หรือได้เห็นคำ ๆ นี้ หลายคนอยากจะเจาะลึกเข้าไปดูตัวธุรกิจ อยากเข้าไปดูงบการเงิน และมองหาปัจจัยหลักที่สำคัญที่ทำให้กิจการเหล่านั้นเติบโต และถ้าเราเห็นว่ามันดีจริง ๆ และราคาไม่สูงจนเกินไป เราก็มักจะเข้าไปลงทุนแบบ “แห่ตาม” จนทำให้ราคาหุ้นสูงลิ่วเกินกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น
การมองหาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่า และเป็นหุ้นเติบโตที่คนส่วนใหญ่ยังมองไม่เห็นจึงเป็นเรื่องไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับนัก “ขุดหุ้น” ที่จะดูพื้นฐานจากงบการเงิน ซึ่งจริงอยู่ที่ว่าการลงทุนนั้นเราต้องมองไปในอนาคตมากกว่าการมองย้อนกลับมาในอดีต แต่อดีตก็สามารถสะท้อนภาพอนาคตได้เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถคัดกรองหุ้นที่ดูเหมือนจะโต แต่ไม่โตจริง และทำให้ใครหลายคนต้องบาดเจ็บล้มตายมานับไม่ถ้วน
การเฟ้นหาหุ้นเติบโต ด้วยงบการเงิน จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เรามั่นใจขึ้นได้ว่า อย่างน้อยที่สุดกิจการที่เราสนใจควรมีฐานะทางการเงินที่แข็งแรง สามารถผ่านมรสุมร้ายไปได้ และควรมีร่องรอยแห่งการเติบโตให้เห็นผ่านตัวเลขทางการเงินที่เราวิเคราะห์เจาะลึกมาเป็นอย่างดี ลองมาดูกันว่า สัญญาณเล็ก ๆ ที่บอกว่าหุ้นตัวนี้ดีมีคุณภาพ มีแววเติบโตมีอะไรบ้าง ดังต่อไปนี้
ประการแรก … “มีฐานะทางการเงินที่แข็งแรง”
– พื้นฐานสำคัญของกิจการต่าง ๆ ต้องมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งไม่ง่อนแง่น ซึ่งได้แก่
– ควรมีสินทรัพย์ที่เติบโตพอกพูนขึ้นทุกปี มีหนี้สินน้อย หรือลดลงทุกปี
– มีหนี้สินที่เหมาะสมกับสภาวะการเติบโตในห้วงเวลานั้น ๆ
– มีหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่สูงเกินไปที่จะเข้าข่ายเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
– มีกำไรสะสมเติบโตเพิ่มขึ้นในภาพระยะยาว
– มีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปีจากการทำมาหาได้ เป็นต้น
ส่วนประกอบต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถคัดเลือกหุ้นที่เหมาะสมเพื่อลงทุนระยะยาวได้อย่างวางใจได้ ซึ่งการอ่านงบดุลจะช่วยให้เราเข้าใจในส่วนนี้ได้
ประการที่สอง … “มีความสามารถในการทำกำไร”
แน่นอนที่สุดว่า หากกิจการที่ดีมีการเติบโต ก็ควรมีกำไรที่ดีตามไปด้วย แม้บางกิจการอาจจะเข้าสู่ช่วงแห่งการลงทุนครั้งใหม่ และกำไรยังไม่มา หรืออาจจะถึงขั้นติดลบ แต่ถ้าเราเห็นว่าการลงทุนนั้นจะช่วยให้กำไรกลับมาดีอีกครั้ง และดีขึ้นเมื่อผ่านจุดคุ้มทุนไปแล้ว ก็เป็นอะไรที่ผมสนใจเข้าไปลงทุนเช่นกัน
ความสามารถในการทำกำไรสามารถประเมินได้จาก รายได้ที่เติบโตขึ้นทุกปี ต้นทุนที่ลดลง หรือเติบโตช้ากว่ารายได้ กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น และกำไรสุทธิในบรรทัดสุดท้ายมีแนวโน้มเติบโต
ประการที่สาม … “กระแสเงินสดต้องดี”
บางกิจการแม้มีกำไรดีงามพระรามแปด แต่กระแสเงินสดกลับย่ำแย่ เช่น กิจการที่ขายเป็นเงินเชื่อ แต่ต้องซื้อวัตถุดิบกับ Supplier เป็นเงินสด หรือกิจการที่ต้องฝากขายสินค้า ถ้าขายได้แต่ยังเก็บเงินไม่ได้ กระแสเงินสดก็จะติดลบ
กิจการที่ดีเมื่อขายดีมีกำไร กระแสเงินสดก็ต้องดีตามไปด้วย … สำหรับกระแสเงินสดจะเป็นตัวรีเช็คว่า กำไรที่เขาทำได้นั้นเป็นกำไรที่ยั่งยืนหรือไม่ หากกำไรดีแต่กระแสเงินสดไม่ดี ถ้าอนาคตเก็บเงินไม่ได้ แบบนี้ก็จะสร้างความเสียหายในภายหลัง
ข้อสรุป และข้อคิดก็คือ …
การเฟ้นหาหุ้นเติบโต ด้วยงบการเงิน เป็นอะไรที่ควรค่าแก่การศึกษา ลองค่อย ๆ ฝึกฝนทักษะที่สำคัญนี้ไปเรื่อย ๆ ในเส้นทางของการลงทุนที่เป็นการเดินทางระยะไกล หากเรามีแผนที่ขุมทรัพย์ และรู้วิธีในการอ่านมัน ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ
#นายแว่นลงทุน
**สนใจลงทุนในพอร์ต RUNNING for Growth พอร์ตกองทุนรวมหุ้นซึ่งจัดโดยนายแว่นลงทุน คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเลย https://www.finnomena.com/port/naiwaen