หากเรามองหาหุ้นพีอีต่ำ ๆ แต่เติบโตสูง ๆ ซึ่งต้องบอกว่ามันคือ “หุ้นในฝัน” ของนักลงทุนระยะยาว และมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะเจอหุ้นแบบนี้ตัวเป็น ๆ ในยุคนี้ … แต่ถ้าเราคิดจะมองหาแบบนี้ ต้องขอบอกเลยว่า “คุณกำลังมาถูกทางแล้ว” ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
สาเหตุเป็นเพราะถ้าคุณเจอหุ้นพีอีต่ำ หมายความว่า เราได้หุ้นราคาถูก แต่ถ้าหุ้นตัวนั้นเติบโตสูง หมายความว่า อนาคตตลาดจะ “ปรับพีอีให้ใหม่” คือ จะทำให้ราคาหุ้นขยับปรับตัวดีขึ้น แต่การเติบโต 4 มิติ มีอะไรบ้าง นายแว่นลงทุน ขอบอกเล่าให้อ่านดังต่อไปนี้
มิติแรก “ยอดขายเติบโต”
ถ้าเราเจอหุ้นที่ยอดขายเติบโต แต่กำไรยังไม่มา ให้เราสงสัยไว้ก่อนว่า มันมีอะไรในกอไผ่หรือไม่ อย่างไร … หลายครั้งยอดขายที่โต มันยังโตไม่พ้นน้ำ พูดง่าย ๆ ก็คือ ยอดขายโตจริง แต่โตไม่ท่วมต้นทุน หรือกิจการยังไม่เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economic of Scale) หากเราตั้งใจศึกษาหาความ เจาะแก่นเข้าไปในตัวกิจการ และมองเห็นอะไรบางอย่าง นั่นคือสัญญาณที่ดี
หุ้นที่ยอดขายเติบโต แต่กำไรอาจจะยังไม่มา ถือเป็น มิติแรกของการเติบโตที่เราต้องเฝ้าจับตามอง ว่าที่จริงแล้วเราอาจไม่ต้องรีบลงทุนก็ได้ รอให้กำไรมาจริง ๆ ก่อนค่อยซื้อสะสมก็ไม่เสียหายอะไรครับ
มิติที่สอง “กระแสเงินสดเติบโต”
หากยอดขาย หักลบออกด้วยต้นทุนขาย เป็นกำไรขั้นต้นแล้ว ทำให้กระแสเงินสดเติบโตขึ้น อาจจะเติบโตจากที่เคยติดลบมาก่อน จนขยับปรับบวก นั่นก็เป็นสัญญาณดี ถือเป็นมิติที่สองแห่งการเติบโต
บางครั้งกิจการบางกิจการ ก็ได้ลงทุนขนาดใหญ่ไปแล้ว เราอาจสังเกตได้จาก กระแสเงินสดจากการลงทุน ที่ไม่ขยับปรับขึ้น มีเพียงเงินลงทุนเพื่อคงสภาพการแข่งขันของธุรกิจเท่านั้น หากธุรกิจผ่านการลงทุนใหญ่ ๆ ไปแล้ว และทำรายได้สม่ำเสมอ กระแสเงินสดก็จะเป็นบวกได้ไม่ยาก
มิติที่สาม “สินทรัพย์ และมูลค่าหุ้นทางบัญชีเติบโต”
มิตินี้นักลงทุนหลาย ๆ คนอาจจะมองข้ามไป หากสินทรัพย์เติบโต และมูลค่าหุ้นทางบัญชีเติบโต นั่นหมายความว่า หนี้สินของกิจการอาจลดลง หรือไม่เพิ่มขึ้น และนั่นคือข่าวดีสุด ๆ
มูลค่าทางบัญชี หรือ Book Value หากมันโตขึ้น และถ้าราคาหุ้นไม่ขยับตามจะทำให้ P/BV หรือ ราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นต่ำลง และถ้าเรามองเห็นว่ามันเป็นภาวะที่ไม่ปกติ เพราะกิจการมันเติบโต สินทรัพย์เติบโต หนี้สินน้อยลง แต่ราคาหุ้นไม่ขยับ แบบนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะลงทุนหุ้นตัวนั้น และนี่คือมิติที่สาม
มิติที่สี่ “เงินปันผลเติบโต”
แน่นอนที่สุดว่า การลงทุนเราต้องการเงินปันผล ในระยะยาวแล้ว หากเราลงทุนเหมือนเป็นเจ้าของกิจการ และเราต้องลงทุนยาว ๆ 5-10 ปี สิ่งที่จะเป็นผลตอบแทนกลับมาทุก ๆ ปี ก็ต้องเป็นเงินปันผลนั่นเอง
ถ้าเงินปันผลเติบโตทุกปี แน่นอนที่สุดว่า ราคาหุ้นย่อมต้องสะท้อนมูลค่า หรือความสามารถในการปันผลของกิจการนั้น ๆ และการที่เงินปันผลเติบโต จะเป็นเกราะป้องกันชั้นดีต่อสภาวะตลาด เพราะตลาดหุ้นคือการเปรียบเทียบการลงทุน ถ้าเงินปันผลสูง โอกาสที่หุ้นจะตกเพราะนักลงทุนย้ายการลงทุนก็จะมีต่ำกว่าหุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลต่ำเป็นธรรมดา
ข้อสรุป และข้อคิดก็คือ …
“หุ้นสี่มิติ” หมายถึง การเติบโตในทุก ๆ ด้านที่เป็นเรื่องดี ได้แก่ การเติบโตของยอดขาย การเติบโตของกระแสเงินสด การเติบโตของสินทรัพย์ และมูลค่าทางบัญชี สุดท้ายก็คือ การเติบโตของเงินปันผล
การมองหาหุ้นดีพีอีต่ำ แต่เติบโตสูงครบทุกมิติแบบนี้มิใช่เรื่องง่ายดาย แต่หากเราประสบพบเจอกับมัน ผมมั่นใจว่ามันคือ “หุ้นเปลี่ยนชีวิต” ของคุณอย่างแน่นอน