สิ่งที่สำคัญที่นักลงทุนหุ้นโตเร็ว หรือ Growth Investor เฝ้ามองหาอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือ “หุ้นโตเร็วจะมาจากธุรกิจอะไรได้บ้าง” และเขาเหล่านั้นต้องหาเพชรในตม หรือกิจการที่จะเจริญเติบโตไปในอนาคต และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนหุ้นโตเร็วให้ได้ชื่นอกชื่นใจ … เรามาดูกันดีกว่าว่าธุรกิจอะไรบ้างที่จะโตเร็วในอนาคต มาดูซิว่า “ตาเหยี่ยว” ของเราจะคมจริงหรือไม่ …
ธุรกิจแรก “ร้านอาหาร ร้านขนมหวาน”
ผมได้พินิจพิเคราะห์ตั้งหลายต่อหลายครั้งว่า ร้านขนมหวานเจ้าดังเจ้าหนึ่ง จะกลายเป็นหุ้นโตเร็วที่สามารถขยายสาขาไปได้หรือไม่ คำตอบก็คือ ยังคลุมเครืออยู่ครับ … แต่ราคาหุ้นนั้นกลับสวนทางกับสิ่งที่คิด คือ ราคาหุ้นโตเร็วมากๆ ขึ้นไปแตะสองหลัก ในขณะที่พีอีแพงลิบลิ่ว ใช่แล้วครับหุ้นตัวนี้คือ อาฟเตอร์ยู หรือ AU นั่นเอง …
สำหรับร้านอาหาร ผมก็มองดูหลายๆ ร้าน ดูว่าร้านอาหารจะเป็นหุ้นเติบโตหรือไม่ ผมสังเกตเอาจากพฤติกรรมของผม และคนรอบข้างผม ปัจจุบันทานอาหารนอกบ้านกันบ่อย และถี่ขึ้นเรื่อยๆ และหากประเทศไทยกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ ร้านอาหารประเภทดีต่อสุขภาพน่าจะเติบโต หุ้นในกลุ่มนี้ที่ผมสนใจได้แก่ M หรือ เอ็มเคสุกี้ และร้านอาหารหรูๆ หน่อยก็เช่น ร้านอาหารเกรฮาวด์ ที่เขามีเอกลักษณ์ของการทำอาหาร และน่าจะถูกปากกลุ่มลูกค้าของเขา หรือหุ้นมัดแมน (MM) ที่ผมสนใจว่าเขาจะเติบโตได้หรือไม่อย่างไร
ธุรกิจที่สอง “ธุรกิจโรงแรม และออฟฟิชให้เช่า”
หากเราพิจารณาประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพ ซึ่งต้องยอมรับชัยภูมิดี และถ้าเราคิดว่าต่อจากนี้ไป กรุงเทพฯ จะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียนบนบกโดยอัตโนมัติ เนื่องจากเป็นไปโดยทำเลตามธรรมชาติ ดังนั้นแหล่งทำงานย่อมต้องอยู่แถวนี้เป็นสำคัญ
“ออฟฟิชให้เช่า” ถือเป็นกิจการที่ผมค่อนข้างจะสนใจ เพราะแหล่งงานขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ มันถูกดึงดูดด้วยชาวต่างชาติที่อยากมาตั้งออฟฟิชสำนักงานในประเทศไทย เนื่องจากมีการคมนาคมที่สะดวกอย่างรถไฟฟ้า แถมยังมีโรงพยาบาลดีๆ ราคาไม่แรงสำหรับเขา และหากเขาหอบหิ้วครอบครัวมาด้วย ก็มีโรงเรียนนานาชาติ คุณภาพดีๆ สำหรับลูกๆ ของเขา
สำหรับธุรกิจโรงแรม ต้องยอมรับว่าคนไทยมีความถนัดด้านงานบริการมากๆ และสามารถไปเปิดโรงแรมได้ทั่วโลก ที่คุณภาพการบริการไม่ตก หุ้นในกลุ่มนี้ที่ผมสนใจได้แก่ ERW CENTEL MINT และ S
ธุรกิจที่สาม “ธุรกิจเดินรถไฟฟ้า และทางด่วนมอเตอร์เวย์”
ธุรกิจที่ผมคิดว่าจะมาแรงในอนาคตก็คือ การเดินรถไฟฟ้าที่ต้องยอมรับว่าดีวันดีคืน (แต่ราคาหุ้นอีกเรื่องนะครับ) ตัวธุรกิจเองนั้นเริ่มจะดีขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BEM ที่แต่ก่อนเคยขาดทุนจากการเดินรถไฟฟ้าใต้ดิน ในตอนนี้ราวปลายปี 2560 ก็เริ่มเห็นกำไรปริ่มๆ น้ำขึ้นมาแล้ว
ด้วยเที่ยวโดยสารที่เติบโตขึ้นทุกไตรมาส เฉลี่ยแล้วกว่า 3 แสนเที่ยวต่อวัน ทำให้มันเลยจุดคุ้มทุน หรือ Break Even Point ได้ไม่ยากเย็นนัก และยังมีพื้นที่ให้เช่า ป้ายโฆษณาในสถานีอีกยิ่งดีขึ้นไปใหญ่
สำหรับธุรกิจทางด่วน และมอเตอร์เวย์ ก็มีการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งมอเตอร์เวย์ที่เริ่มเติบโตจากการเชื่อมโยงกับเมืองใหม่ๆ เช่น ศรีราชา โคราช หัวหิน เป็นต้น สำหรับผมคิดว่าทางด่วนในกรุงเทพฯ นั้นเต็มศักยภาพแล้ว แต่ทางด่วนต่างจังหวัด หรือมอเตอร์เวย์ ยังมี room ให้โตอีกมาก
ธุรกิจที่สี่ “ธุรกิจสื่อสาร”
หลายคนคิดว่าธุรกิจสื่อสารเข้าข่าย “อิ่มตัว” เนื่องจากโทรศัพท์มือถือในบ้านเรานั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก ว่าที่จริงมันมากเกินจำนวนประชากรคนไทยเสียด้วยซ้ำ ซึ่งการที่คนมีมือถือคุยกัน หรือใช้ data คุยกัน ผมเรียกมันว่า “คนคุยกันคน” เป็นการสื่อสารระหว่างคน ซึ่งอันนี้ยอมรับครับว่า มันอิ่มตัวมากๆ แล้ว
แต่สิ่งที่จะเติบโตต่อจากนี้ไปในมุมมองของผมก็คือ “สิ่งของคุยกัน” หรือ Internet of Thing … ของคุยกับของ ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์คุยกับโทรศัพท์ในมือเรา ตู้เย็นคุยกับห้าง Super Market หรือ กล้องวงจรปิดคุยกับสถานีตำรวจ เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ยังเพิ่งอยู่ใน “ยุคเริ่มต้น” มากๆ เลยล่ะครับ ถ้านึกภาพไม่ออกลองนึกถึงสมัยที่มือถือเป็นรุ่น “กระติกน้ำ” ตอนนั้นมีคนใช้อยู่หลักหมื่นคน ถ้าไปบอกว่าต่อไปมือถือจะแพร่หลายจนมีคนใช้มือถือกว่า 90 ล้านเลขหมาย คงไม่มีใครในยุคนั้นอยากจะเชื่อ!
อย่างไรก็ตาม… การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ สิ่งที่คิดอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ อยู่ที่สายตาอันยาวไกล หรือวิสัยทัศน์ของนักลงทุนอย่างเราว่าจะมองเห็นอนาคตได้ “คม” แค่ไหน… ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกันครับ
นายแว่นลงทุน