ในเส้นทางของการเป็นนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนหุ้นระยะยาว … เราจะต้องหมั่นมองหาแนวคิดการลงทุนอยู่ตลอดเวลา การคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และสังเคราะห์ข้อมูลออกมาเป็น “ดีลการลงทุน” เป็นสิ่งที่เราต้องทำอย่างเข้มข้นและไม่ควรให้มันเกิดขึ้นบ่อย ๆ แต่ควรเกิดกับดีลดี ๆ ที่คุ้มค่าเงิน และเวลาของเราที่ลงแรงไป
ว่าที่จริง ความคิดดี ๆ ข้อมูลดี ๆ ที่จะทำให้เกิดดีลดี ๆ มีอยู่อย่างมากมาย เรียกว่า “โอกาสเปิดกว้างเสมอ” ในสนามการลงทุน แต่เราจะมาดูดีกว่าว่า “อะไร” มันเข้าข่ายดีลดีที่คุ้มค่าเงิน และอะไรไม่เข้าข่าย ไปติดตามกันครับ
ดีลแรก “ราคาหุ้นลงต่ำมาก จนมีราคาถูกสุด ๆ”
เมื่อเราเจอราคาหุ้นที่ตกต่ำติดดิน ต่ำตมมาก ๆ และมีราคาถูกแสนถูก แบบนี้จะถือเป็นดีลที่น่าลงทุนหรือไม่ … คำถามนี้เราต้องตอบด้วยตัวเองครับ แน่นอนที่สุดว่าหุ้นราคาถูกย่อมดี แต่ก็ไม่เสมอไป เราควรพิจารณาให้ดีก่อนจะซื้อหุ้นราคาถูกติดดิน ดังต่อไปนี้
-โครงสร้างธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่… พูดง่าย ๆ ก็คือ พื้นฐานหุ้นเปลี่ยนไปหรือเปล่า ถ้าหุ้นราคาหล่นด้วยพื้นฐานที่ย่ำแย่ แบบนี้ก็ไม่น่าสนใจครับ แต่ถ้ามันหล่นลงมาเพราะข่าวร้ายชั่วคราว แบบนี้เราควรวิเคราะห์เจาะลึกต่อไป
-ราคาหล่นมาเพราะมันเคยขึ้นไปสูงเกินพื้นฐานหรือเปล่า… ถ้าเป็นแบบนี้ก็แนะให้หลีกเลี่ยงเช่นกัน ยกเว้นแต่ว่าเราประเมินมูลค่าแล้วพบว่าราคาที่หล่นลงมาเป็นราคาที่เหมาะสม ณ ปัจจุบัน และหากเราเข้าไปถือหุ้นเติบโตตัวนี้ ในอนาคตราคาจะปรับสูงขึ้นเพราะกิจการยังดี แบบนี้ก็น่าสนใจครับ
-กิจการเข้าสู่วัฏจักรขาลงหรือไม่… บางครั้งหุ้นราคาถูกจริง เมื่อเราซื้อไปมันกลับถูกไปอีกนานแสนนาน เนื่องจากกิจการเข้าสู่วัฏจักรขาลง แบบนี้ควรหลีกเลี่ยง
-มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหารภายในหรือเปล่า… ปกติการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหารที่ดี หรือเปลี่ยนตัวผุ้บริหารเก่ง ๆ เข้ามามักจะทำให้หุ้นขึ้นมากกว่านะครับ
ที่ยกมาเป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของแนวคิดการลงทุนในหุ้นที่ราคาตกลงมามาก เราควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนเสียก่อนลงมือทำอะไรลงไป ถ้าหากคิดว่าราคาตกเพราะปัญหาชั่วคราว ก็หวดหุ้นให้เต็มแรงเลยครับ!
ดีลที่สอง “ดีลของหุ้นเติบโต”
สำหรับการลงทุนในหุ้นเติบโต เราต้องเห็นมันตั้งแต่เป็น “ต้นกล้า” ถึงจะเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีเลิศ ผมเองก็เคยซื้อหุ้นเติบโตตอนมันยังเป็นต้นกล้า และได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นกอบเป็นกำ
แต่เอาล่ะ … เราจะมองหาหุ้นเติบโตที่ยังเป็นต้นกล้าได้อีกที่ไหนกัน? คำตอบก็คือ เราต้องหมั่นติดตามดูว่ากิจการอะไรกำลังจะมา และราคาตอบรับไปหรือยัง
ยกตัวอย่างเช่น ในห้วงปีสองปีนี้ อุตสาหกรรมทีเติบโตเป็นดาวเด่นของประเทศไทยคงหนีไม่พ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยตัวเลขของอุตสาหกรรมนั้นเติบโตขึ้นกว่าสามเท่าตัว ดังนั้นภาคธุรกิจในส่วนนี้ที่จับจุดถูกก็ควรเติบโตเช่นกัน พอมองไปรอบด้านก็พบธุรกิจหลายอย่าง เช่น สนามบิน โรงแรม ร้านสปา ร้านอาหาร เป็นต้น
เมื่อเรามองหาอุตสาหกรรม และหุ้นรายตัวได้แล้ว ก็เริ่มลงมือเจาะลึกทั้งการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ และการวิเคราะห์เชิงตัวเลข พร้อมกับประเมินมูลค่าของหุ้น ณ ปัจจุบันออกมาก่อน และลองทำมูลค่าในอนาคต ถ้าราคาหุ้นยังไม่ตอบรับก็น่าสนใจลงทุน ถือเป็นดีลดี ๆ ที่เราต้องทำการบ้านเสียหน่อยครับ
ดีลสุดท้าย “ดีลของหุ้นวัฏจักร”
ลักษณะของ หุ้นวัฏจักร มีขึ้นก็มีลง มีลงก็มีขึ้น … หากเราเห็นหุ้นวัฏจักรตกต่ำนาน ๆ เราอาจพบว่าราคาหุ้นมันต่ำเกินความเป็นจริงมาก ๆ และเมื่อเรามองเห็นว่าวัฏจักรจะกลับเป็นขาขึ้นก็สามารถลงทุนซื้อหุ้นได้
เทคนิคเล็ก ๆ ของผมก็คือ … ผมจะทยอยซื้อหุ้นไปทีละนิดก่อน และค่อย ๆ ศึกษามันไปเรื่อย ๆ หากเราคิดว่าเราเจอกิจการที่กำลังจะเป็นขาขึ้น เราต้องทำการบ้านเจาะลึกให้ถึงที่สุดก่อนตกลงปลงใจ เพราะความโหดของหุ้นวัฏจักรนั้นเคยเป็นที่กล่าวขานมานักต่อนัก ที่จริงแล้วหุ้นแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนที่ประสบการณ์ลงทุนยังไม่เยอะนะครับ
ข้อสรุปก็คือ … การเป็นนักลงทุนที่ดีเราควรขยันหาดีลดี ๆ เพื่อลงทุนต่อยอดเงินของเราให้งอกเงย และดีลที่ดีควรเป็นการลงทุนระยะยาว ๆ เพื่อให้สิ่งที่เราคิดวิเคราะห์เอาไว้ปรากฏออกมา ทุกอย่างต้องใช้เวลา ความอดทนรอคอยความสำเร็จจึงสำคัญยิ่งในสนามการลงทุนแห่งนี้