ในห้วงปี 2562 เรียกว่า แทบจะเกือบทั้งปี ตลาดหุ้นไทยไม่ไปไหนเลย และหุ้นหลายตัวก็ตกลงมาอย่างหนัก ในขณะที่ผมเขียนบทความนี้อยู่เริ่มเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปีแล้ว ทุกอย่างก็ยังดูไม่ดีขึ้นเลย
ทั้งกระแสสงครามการค้า การโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน เศรษฐกิจภายในประเทศที่ซึมมานานมาก มูลเหตุเหล่านี้ทำให้หลาย ๆ คนพาลคิดไปว่า … ปี 2020 จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือเปล่า ? และบางคนก็เชื่ออย่างนั้นมากเสียด้วย
อย่าเพิ่งไปคิดล่วงหน้าว่าวิกฤติจะเกิดเลยครับ … แต่หันเอากำลังความคิดมาหาทางรับมือจะดีกว่า ในสภาวะแบบนี้ เราจะลงทุนให้ผ่านวิกฤติไปได้อย่างไร ติดตามได้ที่นี่เลยครับ
ประการแรก … “สำรวจหุ้นในพอร์ตของเราเสียก่อน”
ในห้วงเวลาแบบนี้ เป็นโอกาสอันดีที่เราจะหันมาทบทวนหุ้นในพอร์ตของเรา หันมาทบทวนเหตุผลที่เราซื้อหุ้นแต่ละตัวในพอร์ต เราซื้อเพราะอะไร และสิ่งที่เราคิดมันได้เกิดขึ้นจริงหรือไม่
หากเราซื้อหุ้นด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม และเราคิดว่า สิ่งที่เราคิดยังคงจะเกิดขึ้นแน่ในอนาคต แบบนี้เราก็สามารถถือทนข้ามวิกฤติกันไปเลย แต่ถ้าไม่ใช่เราควรขายทิ้งเก็บเงินสดไว้บ้าง
ยกตัวอย่างเช่น ผมถือหุ้นรถไฟฟ้า BEM ผมคิดว่า หุ้นตัวนี้มีอนาคตสดใส เนื่องจากสถานีรถไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต และคนก็จะทยอยมาใช้บริการมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้ ผมก็เลือกที่จะถือหุ้นตัวนี้ต่อไปนั่นเอง
ประการที่สอง … “ลองสำรวจ PE รวมของพอร์ต”
ถ้าเราลงทุนหุ้นที่มี PE สูง คล้าย ๆ เรากำลังเร่งความเร็วในการลงทุนของเรา ยกตัวอย่างเช่น พอร์ตเรามีหุ้น 3 ตัว ตัวแรกมีพีอี 20 เท่า ตัวที่สอง 10 เท่า ตัวที่สาม 5 เท่า หากเราลงทุนหุ้นสามตัวนี้ในสัดส่วนเท่ากัน แบบนี้พีอีเฉลี่ยของพอร์ตเราจะเท่ากับ = (20 + 10 + 5)/3 = 11.66 เท่า
หากเราคิดว่า พอร์ตเราควรลดความเร็วลงในภาวะวิกฤติแบบนี้ เราก็อาจจะปรับพอร์ตให้พีอีรวมเฉลี่ยลดต่ำลง แต่เราควรคำนึงถึงสัดส่วนหุ้นในพอร์ตเราด้วยนะครับ กรณีที่ยกตัวอย่างมามีฐานคิดมาจากเราลงทุนหุ้นในสัดส่วนเท่ากันทุกตัว ในส่วนที่ว่าควรปรับพีอีรวมในพอร์ตอย่างไรให้เหมาะสม ผมคิดว่า ขึ้นอยู่กับความรู้ในหุ้น และความเสี่ยงที่เรารับได้ในแต่ละคน
ประการที่สาม … “สำรวจคุณภาพของหุ้นในพอร์ต”
เมื่อเราสำรวจเหตุผลการเลือกหุ้น และวัดกำลังเร่งในการลงทุนของเราแล้ว ลองหันมาสำรวจคุณภาพหุ้นในพอร์ตของเราดูว่า คุณภาพหุ้นในพอร์ตของเราดี หรือไม่ดีอย่างไร
คำว่า “คุณภาพของหุ้น” เป็นการวัดที่ต้องใช้ประสบการณ์เอาเสียหน่อย เพราะหุ้นดีในสายตาของนักลงทุนแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน เช่น บางคนถนัดหุ้นค้าปลีก และเข้าใจมันอย่างดี เขาคนนั้นก็จะว่าหุ้นของเขาดีมีคุณภาพ หรือบางคนถนัดหุ้นปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ เขาก็ว่าของเขาดีเช่นกัน
การสำรวจคุณภาพของหุ้น จะช่วยให้นักลงทุนได้ทบทวนแนวคิดการลงทุนอีกครั้ง หากเราพบว่า หุ้นที่เราถือมันคุณภาพดีมากอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเดือนเนื้อร้อนใจอะไร แต่ถ้ามันแย่ลง ไม่ได้ดีดังเดิม เราก็ควรขายทิ้งเก็บเงินสดไว้บ้าง
ข้อสรุป และข้อคิดก็คือ …
สิ่งที่ผมจะทำยามใกล้จะเกิดวิกฤติ ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ผมจะหันมาทบทวนเหตุผลของการซื้อหุ้นแต่ละตัว ลองสำรวจพีอีรวมของพอร์ต และตรวจสอบคุณภาพพอร์ตอีกครั้ง ว่าที่จริงถ้าหุ้นคุณภาพดี ลดราคาลงมา ผมอาจหาโอกาสซื้อสะสมเพิ่มเติมเสียด้วย แต่เราต้องมั่นใจจริง ๆ นะครับที่จะซื้อหุ้นในภาวะแบบนี้ … ขอให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยดีนะครับ
#นายแว่นลงทุน
ติดตามนายแว่นลงทุน ได้ที่เพจ https://www.facebook.com/NaiwaenTammada/
**สนใจลงทุนในพอร์ต RUNNING for Growth พอร์ตกองทุนรวมหุ้นซึ่งจัดโดยนายแว่นลงทุน คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเลย >>
https://www.finnomena.com/port/naiwaen