ช่วงปี 2020 เป็นช่วงรีเซ็ทตัวเองใหม่ของตลาดทุนทั่วโลก เศรษฐกิจยุคเดิมที่ปรับตัวไม่ทันกำลังถูก Disruption ทำให้เข้าตาจน และเศรษฐกิจในยุคใหม่ นักธุรกิจยุค 5G กำลังจะเข้ามาทดแทน
ในช่วงเวลาแบบนี้ถือว่า “เหมาะสม” ในการค้นหาเมล็ดพันธุ์หุ้นใหม่ ๆ ที่จะเจริญงอกงามเมื่อไฟป่าที่โหมกระหน่ำเข้ามาจางลง และเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง อาจจะ 1-2 ปีต่อจากนี้ ดอกผลแห่งการเติบโต จะเริ่มประจักษ์ชัดแจ้งให้นักลงทุนได้เห็นเต็ม ๆ ตา
ในระหว่างปี 2020-2030 เป็นโอกาสที่อาจจะกำเนิดเกิดขึ้นของ “เศรษฐีหุ้น” ยุคใหม่ และการเริ่มต้นมองหาหุ้นลงทุนตั้งแต่จุดนี้ถือเป็นการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ Strategic Decision ที่สำคัญยิ่ง ส่วนเราจะเริ่มต้นอย่างไรกันนั้น ไปติดตามกันครับ
ประการแรก … “คัดเอาหุ้นที่จะรอดตายจากวิกฤตครั้งนี้ให้ได้เสียก่อน”
สิ่งที่เราต้องทำเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือ คัดเพชรออกจากก้อนกรวด ในที่นี้หมายถึง คัดเอาหุ้นที่ไม่น่าจะรอดพ้นวิกฤต หรือดูแล้วมีแววที่จะไปไม่ถึงดวงดาวทิ้งออกไปซะ !
หุ้นกลุ่มนี้ ได้แก่ หุ้นที่มีภาระหนี้สินมาก หุ้นที่หุ้นกู้จะครบกำหนดชำระในเวลาอันสั้น หุ้นที่ขายสินค้า หรือบริการใด ๆ ไม่ได้เลยในนาทีนี้ หรือขายได้น้อยมาก หุ้นทำนองนี้มีแนวโน้มจะขาดสภาพคล่องเอาง่าย ๆ แม้กิจการตอนที่ภาวะดี ๆ จะเป็นหุ้นแข็งแกร่ง แต่ด้วยความที่หนี้เยอะ ทำให้อาจจะขาดสภาพคล่องไปเสียก่อน เรานักลงทุนก็ไม่ควรเข้าไปเสี่ยงกับหุ้นทำนองนี้
ประการที่สอง … “เลือกหุ้นที่ยังสร้างกระแสเงินสดได้ในภาวะวิกฤต”
เมื่อเราคัดเอาเพชรออกจากก้อนกรวดมาได้กองหนึ่งแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือ เราต้องมองหาเพชรน้ำงามที่สุด นั่นก็คือ หุ้นที่ยังสร้างกระแสเงินสดได้ในภาวะวิกฤต
หุ้นบางตัวแม้รัฐบาลจะมีมาตราการณ์ Lock Down เขาก็ยังขายสินค้า หรือบริการของเขาได้ เช่น พวกร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ บ้าน / ตลาดสดติดแอร์ / หุ้นขายเครื่องดื่มดับกระหายในหน้าร้อน / หุ้นขนมขบเคี้ยว / หุ้นอินเตอร์เน็ต / หุ้นเกมส์ออนไลน์ / หุ้นเรือขนส่งสินค้าทางทะเล / หุ้นขนส่งสินค้าตามบ้าน / หุ้นเก็บหนี้ / หุ้นรถแลกเงิน / หุ้นอาหารแช่แข็ง / หุ้นเนื้อหมู เนื้อไก่ / หุ้นขายของออนไลน์ ขายเสื้อผ้าออนไลน์ ขายอาหารออนไลน์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
หุ้นพวกนี้แม้จะมีมาตรการ Lock Down แต่ก็ยังขายของได้ ถือว่า น่าจะผ่านวิกฤตไปได้ ในเวลาที่เราเลือกได้ ก็ไม่ควรเสี่ยงไปเลือกหุ้นที่เคยดี แต่อนาคตอาจจะแย่ลง จริงหรือไม่ครับ ?
ประการสุดท้าย … “มองไปไกล ๆ อีก 5-10 ปี”
เมื่อเรามองเห็นว่าปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงแบบ “บังคับให้เปลี่ยน” หรือ Disruption ในหลาย ๆ แวดวงธุรกิจ เราก็ต้องมองไปข้างหน้าว่า สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนไปแบบถาวร หรือแบบชั่วคราว
โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว อะไรก็ตามที่สะดวกสบายขึ้น ก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปอย่างถาวร เช่น การสั่งอาหารมาทานที่บ้าน ก็สะดวกสบายขึ้น การสั่งซื้อของออนไลน์ ก็สะดวกสบาย เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ พฤติกรรมแบบนี้ก็น่าจะยังคงอยู่
แต่อะไรก็ตามที่ทำด้วยความจำเป็น เมื่อทุกอย่างดีขึ้น พฤติกรรมที่จำเป็นต้องทำก็จะหายไป เช่น เราจำเป็นต้องอยู่บ้าน ถ้าปลดล็อก เราก็อยากออกไปข้างนอกบ้าง เป็นต้น
หน้าที่ของเราก็ต้องมองหาดูว่า กิจการอะไร ธุรกิจอะไร หุ้นตัวไหนที่จะได้รับอานิสงส์ ของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคน เพื่อลงทุนระยะยาวนั่นเองครับ
ข้อสรุป และข้อคิดก็คือ …
ในทศวรรษหน้า 2030 สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าจะรวดเร็ว และรุนแรงขึ้นมาก เราเองต้องเตรียมรับมือกันไว้ และป้องกันอย่าไปลงทุนในหุ้นที่เคยดี หรือจะตกยุค มองไปข้างหน้า มองหาหุ้นที่จะเติบโต ลงทุนเสียแต่เนิ่น ๆ อย่าสนใจราคารายวัน แล้วความสำเร็จในอีกสิบปีข้างหน้า จะเป็นรางวัลให้กับนักลงทุนผู้อดทนอย่างมุ่งมั่น แน่นอนครับ
#นายแว่นลงทุน
**สนใจลงทุนในพอร์ต RUNNING for Growth พอร์ตกองทุนรวมหุ้นซึ่งจัดโดยนายแว่นลงทุน คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเลย https://www.finnomena.com/port/naiwaen