ถึงเวลาเลือกตั้งกันแล้ว มาดูกันว่าหากทรัมป์ หรือ ไบเดน เข้าวินจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้น!
ทำความรู้จักพรรคการเมืองหลัก ๆ ของสหรัฐกันก่อน
หลัก ๆ แล้วพรรคการเมืองสหรัฐมีอยู่สองพรรคที่ห้ำหั่นกันมาอย่างช้านานอย่าง “เดโมแครต” (Democrat) ซึ่งมีตัวอย่างประธานาธิบดีเด่น ๆ อย่าง บารัค โอบามา (Barack Obama), โคตรตระกูลคลินตันอย่าง ฮิลารี คลินตัน (Hillary Clinton), บิล คลินตัน (Bill Clinton) กับ “รีพับลิคกัน” (Republican) ที่มีประธานาธิบดีหัวโจกเลือดร้อนอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) หรือจะเป็น จอร์จ บุช (George Bush)
เทียบนโยบายหลักจัดเต็มโจ ไบเดน (Joe Biden) กับ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump)
1. นโยบายเกี่ยวกับเศรษฐกิจ
Donald Trump
- ให้คำมั่นว่าจะสร้างงานจำนวน 10 ล้านตำแหน่งใน 10 เดือน และเร่งการสร้างธุรกิจขนาดเล็กอีก 1 ล้านธุรกิจเพิ่มเติม
- ใช้นโยบายลดภาษีเพิ่มเติม และ ให้เครดิตภาษี (ใช้สำหรับลดภาษี) กับบริษัทต่าง ๆ เพื่อรักษาการจ้างงานเอาไว้
Joe Biden
- เก็บภาษีเพิ่มสำหรับผู้มีรายได้สูง และนำมาใช้ลงทุนในระบบสาธารณะ โดยจะเพิ่มการเก็บภาษีสำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี
- เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงจากเดิมที่ 7.25 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
สรุปผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- หากโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี นโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์อาจหนุนนำให้ตลาดหุ้นเดินหน้าต่อไป จากการลดภาษี การเร่งการจ้างงาน และสร้างธุรกิจ
- หากโจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีตลาดหุ้นอาจตอบสนองเชิงลบกับนโยบายการเก็บภาษี และการเพิ่มค่าแรงอาจทำให้ต้นทุนของบริษัทต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น และอาจส่งผลต่อหุ้นใหญ่ ๆ ในตลาด
2. นโยบายเกี่ยวกับการจัดการ COVID-19
Donald Trump
- ตั้งเป้าเดดไลน์ให้โควิดจบภายในสิ้นเดือน มกราคมปีหน้า และเริ่มเปิดประเทศ
- เร่งพัฒนาการพัฒนาวัคซีนแบบเร่งด่วน และใช้งบถึง 1 หมื่นล้านเหรียญ
Joe Biden
- ร่างสัญญาระดับชาติ ผ่าน 10 ศูนย์วิจัยวัคซีนในทุกรัฐ พร้อมแจกชุดตรวจโควิดฟรี
- ออกกฎและสนับสนุนให้คนใส่หน้ากาก
สรุปผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ถ้าโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นตลาดอาจจะจับตามองไปที่การเร่งพัฒนาวัคซีนต่อไป
- หากโจ ไบเดนได้เป็นตลาดอาจจับตามองไปที่การควบคุมยอดผู้ติดเชื้อ
- นโยบายของทรัมป์มีความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนสูงเช่นกันหากทำได้
- นโยบายของโจไบเดนอาจดูไม่รวดเร็วทันใจ แต่อาจจะควบคุมโรคได้อยู่หมัดมากขึ้น
- สรุปแล้วทรัมป์อาจสร้างความคาดหวังในอนาคตที่ตีความได้สองแง่และไม่แน่นอน แต่เป็นผลดีหากทได้ ส่วนไบเดนอาจทำให้เกิดการตีความแบบสมเหตุสมผล มีความแน่นอนมากกว่า
3. นโยบายเกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อม
Donald Trump
- ไม่เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนให้ผู้คนใช้พลังงาน เช่น น้ำมันและก๊าสต่าง ๆ ต่อไป และผ่อนกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- มุ่งเน้นและยึดมั่นการถอนตัวออกจาก “สัญญาตกลงปารีส” (Paris accord) ซึ่งเป็นสัญญาเกี่ยวกับการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ทางสหรัฐจะมีการถอนตัวในปีนี้
Joe Biden
- สนับสนุนให้ทางสหรัฐเข้าร่วม “สัญญาตกลงปารีส” อีกครั้ง
- ตั้งเป้าพาสหรัฐเข้าสู่ยุคไร้มลพิษภายในปี 2050 และแบนการใช้พื้นที่สำหรับขุดเจาะน้ำมันและก๊าส รวมถึงสนับสนุนเม็ดเงินลงทุน 2 ล้านล้านเหรียญในโครงการพลังงานสะอาด
สรุปผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- พวกหุ้นกลุ่มพลังงานอาจได้ผลเชิงบวกหากโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี และอาจได้ผลเชิงลบหาก โจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดี
4. นโยบายเกี่ยวกับการแพทย์และสาธารณสุข
Donald Trump
- อาจปรับเปลี่ยนนโยบาย Affordable Care Act (ACA) ของประธานาธิบดีโอบามา ที่สร้างกฎเกณฑ์ข้อบังคับเพิ่มเติมให้กับระบบประกันสุขภาพรัฐ เช่น ข้อบังคับในการให้สิทธิกับคนที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันว่ามีอาการป่วย
- ตั้งเป้าลดราคายา และนำเข้ายาในราคาที่ถูกกว่าจากต่างประเทศ
Joe Biden
- ปกป้องและพัฒนานโยบาย Affordable Care Act (ACA) เพิ่มเติม
- ลดเงื่อนไขอายุขั้นต่ำสำหรับโครงการ Medicare (โครงการประกันสุขภาพผู้สูงอายุ) จากเดิมที่ 60-65 ปี
- มีความมุ่งมั่นที่จะให้ชาวอเมริกันทั้งหมดมีโอกาสเข้าร่วมโครงการ Medicare
สรุปผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- หากโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี อาจส่งผลเชิงลบกับหุ้นกลุ่ม Healthcare โดยอาจได้รับผลกระทบจากการนำเข้ายาจากต่างชาติ และการลดกฎเกณฑ์เงื่อนไขการเข้าระบบรัฐที่อาจทำให้ผู้คนมารับการรักษาผ่านรัฐมากขึ้น
- หากโจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดี อาจส่งผลเชิงกลาง ๆ กับหุ้นกลุ่ม Healthcare เนื่องจากนโยบายโดยรวมสนับสนุนระบบ Healthcare ของรัฐ
5. นโยบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
Donald Trump
- แข่งขันกับชาติพันธมิตรต่อไป และคงนโยบายขึ้นการขึ้นภาษีนำเข้ากับจีน
- ลดการตั้งมั่นกองกำลังในต่างประเทศ และลงทุนเกี่ยวกับการทหารเพิ่มเติม
Joe Biden
- สร้างความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรของสหรัฐใหม่อีกครั้ง
- ยกเลิกการขึ้นภาษีกับจีนแบบเห็นชอบฝ่ายเดียว และเปลี่ยนเป็นข้อตกลงร่วมกันแทน แต่เพิ่มข้อต่อรองที่อาจทำให้ทางจีนเองปฏิเสธไม่ได้
สรุปผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- หากโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี หุ้นประเทศต่าง ๆ อาจได้รับแรงกดดันต่อไป
- หากโจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดี หุ้นประเทศต่าง ๆ ในหลายภูมิภาคอาจตอบสนองในเชิงบวกมากขึ้น
6. นโยบายเกี่ยวกับศาลสูงสุด (Supreme Court)
Donald Trump
- เคลมว่าตนมีสิทธิ์ที่จะนั่งตำแหน่งที่ว่างในศาลสูงสุดต่อไป ตามสิทธิรัฐธรรมนูญที่ยังมีระยะเวลาเหลืออยู่ และสนับสนุน Amy Coney Barrett ผู้ตัดสินแนวอนุรักษ์นิยม
- ไม่สนับสนุนการทำแท้งในสหรัฐ ร่วมกับ Amy Coney Barrett
Joe Biden
- ต้องการให้ตำแหน่งที่ว่างในศาลสูงสุดถูกเติมเต็มจนครบที่นั่ง
- ถ้าดำรับเลือกตั้งจะผลักดันให้การทำแท้งถูกกฎหมาย
สรุปผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- โดนัลด์ ทรัมป์ อาจเดินเกมเข้าข้าง Amy Coney Barrett เพื่อให้ตนมีสิทธิเสียงในศาลสูงสุดต่อไป ในขณะที่ โจ ไบเดน ใช้นโยบายตรงกันข้ามและผลักดันให้ที่นั่งในศาลสูงสุดเต็ม เพื่อกดดันสิทธิการออกเสียงของอีกฝ่าย
- ผลกระทบต่อตลาดหุ้นอาจขึ้นอยู่กับการตีความของตลาดโดยรวมต่อประธานาธิบดีแต่ละคน โดยนโยบายในส่วนนี้อาจสนับสนุนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเดินหน้าบริหารได้สะดวกยิ่งขึ้น
ไบเดนเป็นหุ้นลงแน่ ๆ ทรัมป์เป็นหุ้นขึ้นแน่ ๆ จริงหรือ?
ต้องทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าตลาดหุ้นก็คือตลาดที่อุดมไปด้วยเหล่านักลงทุนที่มีความเป็นมนุษย์เหมือนกับเรา ๆ และในความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า “อารมณ์” เข้ามาเกี่ยวเนื่อง
ดังนั้นเราอาจจะเรียกได้ว่าตลาดหุ้นมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่นั่นเอง การที่เราจะการันตีว่าใครได้เป็นและหุ้นขึ้นแน่ ๆ ก็อาจจะเป็นไปได้ยากครับ แต่เราอาจจะใช้ข้อมูลที่เรามีในอดีตมาและหลักการมาช่วยตัดสินใจได้
ซึ่งการตีความความคิดของผู้คนนั้นมีเป็นอะไรที่มีโอกาสพลิกโผได้ เพราะ คนทุกคนไม่สามารถมองอะไรเป็นมุมเดียวกันได้หมด ตัวอย่างเช่น หาก โจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดี แทนที่ตลาดจะตีความว่า ไบเดน จะขึ้นภาษีทำให้กำไรของบริษัทลดลงตลาดหุ้นลงแน่ ๆ ตลาดก็อาจจะตีความไปในเชิงอีกแบบหนึ่งอย่างเช่น “ถ้า ไบเดน ได้เป็นการเมืองน่าจะนิ่งขึ้น ความสัมพันธ์กับจีนดีขึ้น คิดดูอีกที… ในระยะยาวน่าจะดี เราลงทุนดีกว่า” อะไรแบบนี้ก็เป็นได้ครับ
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม ผมขอให้ทุกคนโชคดี มีความสุขกับชีวิตและการลงทุนครับ…
Mr. Serotonin