เราอาจเคยได้ยินกันมาว่าหากต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวการลงทุนในหุ้นถือได้ว่าเป็นอีกสินทรัพย์ที่ช่วยเราสะสมความมั่งคั่งได้ดีที่สุด เรามาดูกันว่าเหตุผลของวลีดังกล่าวนั้นคืออะไรกันแน่
ลงทุนหุ้นระยะยาว ช่วยอะไรเรา
- “หุ้นมีแต่ขึ้น” เป็นประโยคที่อาจจะดูบิดเบือนจากความเป็นจริงหากเรามองในกรอบเวลาสั้น ๆ แคบ ๆ เพราะหากใครเคยเป็นนักเทรดมาลงทุนตอนตลาดกำลังครึกครื้น พริ้ว ๆ ช่วงจุดสูงสุดพอดี ย่อมรู้ในสิ่งนี้เป็นธรรมดา
- อย่างไรก็ตามหากเราลงทุนในกรอบเวลาที่ยาวนานมาก ๆ อารมณ์แบบ 10 ปี ถึง 20 ปี การลงทุนในหุ้นนั้นหากเรามองย้อนไปก็อาจ “มีแต่ขึ้น” จริง ๆ ถึงแม้จะต้องเผชิญความผันผวนระหว่างทางไปบ้างก็ตาม
- อีกหนึ่งสาเหตุที่ราคาของดัชนีหุ้นเทคโนโลยีในระยะยาวนั้นเติบโตได้ดีคงหนีไม่พ้นเรื่องของ “กำไร” ซึ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตของกำไรที่ก้าวกระโดดและโดดเด่นอย่างแท้จริง ซึ่งถ้าเราถือยาว ๆ ก็อาจเป็นผู้ชนะได้ไม่ยากอย่างไรก็ตามหากเราถอดใจไปก่อนในภาพสั้น เราอาจต้องเผชิญการ ขายหมู และอาจจะนึกได้ว่ารู้งี้ถือต่ออีกหน่อยดีกว่าก็เป็นได้
ลงทุนหุ้นกลุ่มไหนแข็งแกร่งที่สุด! (ฟื้นตัวได้ไว ปรับฐานน้อยกว่า)
- เมื่อรู้กันไปแล้วว่าระยะยาวยังไงหุ้นก็ให้ผลตอบแทนได้ดี แต่คำถามต่อไปก็คือ เราควรยัดหุ้นแบบไหนเข้าพอร์ตถึงจะช่วยให้เงินของเราได้ดิบได้ดีมากที่สุด คำตอบก็คือการลงทุนในหุ้นกลุ่มตลาดพัฒนาแล้วและหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งมีการปรับฐานที่รุนแรงน้อยกว่า อีกทั้งยังฟื้นตัวได้ไวกว่า
- จากภาพจะเห็นได้ว่าหุ้นในตลาดพัฒนาแล้วมีโอกาสในการฟื้นตัวในปีที่เกิดการปรับฐานได้ไวกว่า และมีการขาดทุนจากจุดสูงสุด ณ ช่วงเวลานั้น ๆ ที่น้อยกว่าหุ้นตลาดเกิดใหม่ อีกทั้งยามฟื้นตัวยังบวกได้มากกว่าจากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง อีกทั้งในระยะยาวมาก ๆ ยังสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าอีกด้วยตามภาพด้านล่าง
- จากภาพเราอาจสังเกตได้ว่าดัชนีหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ อย่าง NASDAQ 100 ยังมีความโดดเด่นมากที่สุดในทุกแง่มุมไม่ว่าจะเป็นการปรับฐานที่มีความรุนแรงน้อยกว่าในทุกช่วงเวลาและสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาวตามข้อมูลที่ทาง FINNOMENA Investment Team ได้ทำการเปรียบเทียบมาให้เราดู
ทำไมหุ้นเทคฯ ไม่แพ้ชาติใดในโลก?
และหากทุกคนอยากรู้ถึงสาเหตุ ว่าทำไมหุ้นเทคฯ ถึงโดดเด่นกว่าเพื่อนและเราถึงไม่ควรทิ้งมันออกจากพอร์ตยามผันผวน เรามาดูข้อมูลในส่วนนี้พร้อม ๆ กันครับ
ภาพแสดงราคาหุ้นของดัชนี NASDAQ 100 (เส้นสีส้ม) เทียบกับดัชนีหุ้นโลก (เส้นสีน้ำเงิน) และดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่ (เส้นสีขาว) พร้อมเส้นประมาณการกำไรของดัชนี NASDAQ 100 (เส้นสีฟ้าอ่อน) ดัชนีหุ้นโลก MSCI World (เส้นสีเหลือง) และดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่ (เส้นสีม่วง) ที่มา: Bloomberg วันที่: 1 พฤษภาคม 2022
- จากภาพหากเราตัดใจขายหุ้นเทคโนโลยีตั้งแต่ช่วงปี 2008 ที่พื้นฐานกำไร (เส้นสีฟ้าอ่อน) ยังโดดเด่นเหนือดัชนีหุ้นอื่น ๆ อยู่ก็จะนำเราไปสู่ภาพถัดไป…
ภาพแสดงราคาหุ้นของดัชนี NASDAQ 100 (เส้นสีส้ม) เทียบกับดัชนีหุ้นโลก (เส้นสีน้ำเงิน) และดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่ (เส้นสีขาว) พร้อมเส้นประมาณการกำไรของดัชนี NASDAQ 100 (เส้นสีฟ้าอ่อน) ดัชนีหุ้นโลก MSCI World (เส้นสีเหลือง) และดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่ (เส้นสีม่วง) ที่มา: Bloomberg วันที่: 1 พฤษภาคม 2022
- ภาพที่ดัชนีหุ้นเทคโนโลยี NASDAQ 100 ทำผลงานโดดเด่นเหนือดัชนีหุ้นอื่น ๆ มาโดยตลอดจากพื้นฐานกำไรที่แข็งแกร่งเหนือคนอื่น!
ภาพแสดงราคาหุ้นของดัชนี NASDAQ 100 (เส้นสีส้ม) เทียบกับดัชนีหุ้นโลก (เส้นสีน้ำเงิน) และดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่ (เส้นสีขาว) พร้อมเส้นประมาณการกำไรของดัชนี NASDAQ 100 (เส้นสีฟ้าอ่อน) ดัชนีหุ้นโลก MSCI World (เส้นสีเหลือง) และดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่ (เส้นสีม่วง) ที่มา: Bloomberg วันที่: 1 พฤษภาคม 2022
- ซึ่งทุกวันนี้ประมาณการกำไรของดัชนี NASDAQ 100 (เส้นสีฟ้าอ่อน) ก็ยังแข็งแกร่งคงเดิมไม่เปลี่ยนไป แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือระดับราคาของดัชนีที่อาจจะสูงกว่าช่วงหุ้นฟื้นตัวหลังปี 2008 จึงมีโอกาสในการก่อให้เกิดความผันผวนได้มากกว่า ดังนั้นเราอาจจะยังไว้วางใจหุ้นเทคโนโลยีได้เช่นเคย และควรให้ความระมัดระวังเกี่ยวกับราคาที่ตลาดจ่ายให้เสียมากกว่า
แล้วเราต้องทนอีกนานแค่ไหนหุ้นเทคฯ ที่เป็นกล่องดวงใจถึงจะพิสูจน์ตนเองให้เราเห็นสักทีนึง
หลังจากรู้กันไปแล้วว่าหุ้นเทคฯ อะดีจริง เรามาดูกันว่าจากสถิติเราต้องรออีกนานแค่ไหนเค้าถึงพิสูจน์ตนเองให้เราได้เห็นกันสักที
- จากภาพทั้งหมดเราอาจสรุปได้ว่าการถือครองดัชนีหุ้นทั้งดัชนีหุ้นเทคโนโลยี NASDAQ 100 หุ้นโลกและหุ้นตลาดเกิดใหม่ในกรอบเวลา 1 ปีความผันผวนของผลตอบแทนมีความใกล้เคียงกันมาก ๆ ไม่ต่างกัน
- แต่หากกระเถิบออกมาไกลขึ้นเป็น 3 ปี ดัชนีหุ้น NASDAQ 100 จะทำผลตอบแทนเป็นลบน้อยกว่าดัชนีหุ้นอื่น ๆ
- หากไกลขึ้นอีกเป็น 5 ปี ดัชนีหุ้น NASDAQ 100 อาจเรียกได้ว่าไม่ติดลบเลย
- ขณะที่ 7 ปี ดัชนีหุ้น NASDAQ 100 ไม่ทำผลตอบแทนติดลบแต่อาจมีช่วงที่ให้ผลตอบแทนไม่มากนัก
- และสุดท้ายในกรอบเวลา 10 ปี ดัชนีหุ้น NASDAQ 100 ทำผลตอบแทนได้โดดเด่นเหนือดัชนีหุ้นอื่น ๆ ทั้งหมด โดยดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนติดลบได้จากความไวต่อวัฏจักรเศรษฐกิจ (เกิดขึ้นตามโครงสร้างหุ้นในดัชนีที่ยังอาจมีหุ้นกลุ่มวัฏจักร เช่น น้ำมัน การเงิน ประกอบอยู่ด้วย)
สรุปโดยรวม
- ตั้งแต่ราวช่วงทศวรรษที่ผ่านมาหุ้นเทคฯ อาจไม่ได้ขายฝันอีกต่อไปจากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และอาจพูดได้ว่ายุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว
- สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือพฤติกรรมของคนที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง จึงอาจส่งผลให้หุ้นเทคฯ ตอนนี้ตกเป็นเป้าที่จะเกิดความผันผวนจากกระแสที่ร้อนแรงจนส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงเกินไปในช่วงก่อนหน้า
- หุ้นเทคฯ มีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งหลังวิกฤต ติดลบน้อยกว่า ระยะยาวสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่ดีมากและเหนือดัชนีหุ้นอื่น ๆ
- การอดทนรอจังหวะที่เหมาะสม และการถือทนทนถือเป็นสิ่งที่อาจจะไม่แย่ หากดูจากข้อมูลความเป็นจริง
สุดท้ายนี้หวังว่าบทความจะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนกองทุนหุ้นเทคโนโลยีนะครับ เราลงกระจาย ๆ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจึงอาจต่างจากคนขุดค้นหุ้นเทคฯ รายตัวครับ
Stay safe and be prudent 🙂
Mr. Serotonin